คริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนว่า เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ทิศทางขาลง พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกแก้ปัญหาขาดดุลด้วยเครื่องมือทางการคลัง เพราะการที่หลายประเทศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำอยู่แล้ว ทำให้การดำเนินมาตรการต่างๆ สามารถทำได้ในกรอบที่จำกัดเท่านั้น
ลาการ์ดปาฐกถาที่สภาหอการค้าสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เตือนว่า ประเทศส่วนใหญ่ไม่สามารถรับมือกับภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้อีก แต่สามารถใช้นโยบายการคลังที่ชาญฉลาดขึ้นในอนาคตแทน
ผอ. IMF ระบุว่า “เศรษฐกิจของหลายประเทศไม่มีความยืดหยุ่นเพียงพอ ประกอบกับการมีหนี้สาธารณะสูง และอัตราดอกเบี้ยต่ำ ทำให้รัฐบาลมีข้อจำกัดในการดำเนินนโยบายเมื่อถึงเวลาที่เศรษฐกิจเข้าสู่ช่วงขาลงในครั้งถัดไป ซึ่งเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”
ลาการ์ดยังพูดถึงการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจโลกของ IMF ด้วยว่า ทางกองทุนฯ จะปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจากที่เคยทำนายไว้ในเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่าจะเติบโตที่ระดับ 3.5% ในปี 2019 และ 3.6% ในปี 2020 โดยตัวเลขคาดการณ์ใหม่นี้จะเป็นสัญญาณเตือนถึงอันตรายและความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจสั่นคลอนเศรษฐกิจโลก
“เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เขตเศรษฐกิจ 75% ทั่วโลกอยู่ในทิศทางขาขึ้น แต่ในปีนี้เราคาดว่าจะมีถึง 70% ที่เผชิญกับภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจ” ลาการ์ดกล่าว
IMF คาดว่าเศรษฐกิจทั่วโลกหรือเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่จะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และแบงก์ชาติของประเทศอื่นๆ ปรับเปลี่ยนนโยบายดอกเบี้ย แต่ลาการ์ดเตือนว่านโยบายการเงินจะไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อถึงคราวที่เศรษฐกิจตกอยู่ในภาวะขาลงแล้ว
ด้วยเหตุนี้เธอจึงแนะนำให้ภาครัฐใช้นโยบายการคลังแก้ปัญหาการขาดดุลและหนี้สาธารณะ เพื่อที่ว่ารัฐบาลของประเทศต่างๆ จะมีความสามารถในการใช้กลยุทธ์เชิงรุกมากขึ้น เช่น การปรับลดภาษี หรือเพิ่มรายจ่ายของภาครัฐเพื่อต่อสู้กับภาวะถดถอย
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: