กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง หลังจากประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารู เจ้าของฉายา ‘ทรัมป์-ดูเตร์เตแห่งบราซิล’ ระบุว่า ประชาธิปไตยและเสรีภาพของประเทศนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของกองทัพ ขณะเข้าร่วมงานพิธีเฉลิมฉลองครบรอบ 211 ปีกองทัพเรือบราซิล เมื่อวานที่ผ่านมา (7 มี.ค.)
ผู้นำหัวเอียงขวารายนี้เคยเป็นอดีตนายทหารระดับสูงของกองทัพ และเคยแสดงเจตนารมณ์ให้บราซิลปกครองภายใต้ระบอบทหาร จากถ้อยคำดังกล่าวทำให้นักวิชาการทางด้านสังคมศาสตร์ต่างแสดงความกังวลถึงการก้าวขึ้นมามีบทบาทอย่างมากของอดีตนายทหารระดับสูงในรัฐบาลบราซิลชุดปัจจุบัน และเกรงจะนำพาประเทศกลับไปสู่ช่วงยุคที่บราซิลตกอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการทหารในช่วงปี 1964-1985
ทางด้านรองประธานาธิบดีฮามิลตัน มูเรา ให้สัมภาษณ์สื่อว่าประธานาธิบดีไม่ได้มีเจตนากล่าวถ้อยคำเช่นนั้นในฐานะที่เป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตยและเสรีภาพของบราซิล เพียงแต่จะย้ำให้เห็นว่าทั้งประชาธิปไตยและเสรีภาพมีความสัมพันธ์กับกองทัพไม่มากก็น้อย
“หากกองทัพไม่ได้ยึดมั่นใจในหลักประชาธิปไตยและเสรีภาพแล้ว ค่านิยมต่างๆ เหล่านี้ก็จะถูกทำลาย ดังจะเห็นได้จากสิ่งที่เกิดขึ้นในเวเนซุเอลาในช่วงเวลานี้”
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โบลโซนารูเสนอแผนงบประมาณต่อรัฐสภาเพื่อหาทางรัดเข็มขัดประหยัดเม็ดเงินกว่า 2.66 แสนล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 1 ทศวรรษนับจากนี้ พร้อมระบุว่ากองทัพเองก็เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ไม่ได้รับข้อยกเว้นในการปฏิรูปที่กำลังจะมาถึง
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: