พลังของกลิ่นหอมช่างมีเสน่ห์อย่างประหลาด สังเกตเวลาที่เราเดินผ่านเคาน์เตอร์ น้ำหอมเป็นต้องลืมเรื่องที่กำลังเมาท์กับเพื่อน แล้วเผลอเดินไปเทสต์กลิ่นอื่นๆ ราวกับต้องมนต์แทบทุกครั้ง พอเป็นแบบนี้บ่อยๆ ทำให้ผู้เขียนเริ่มสังเกตว่า คนที่มาเทสต์กลิ่นน้ำหอมส่วนใหญ่มักเป็นผู้หญิง โดยเฉพาะที่บูติกน้ำหอม Jo Malone London ที่มีน้ำหอมเรียงรายอย่างโดดเด่นในสไตล์ผู้ดีอังกฤษ ยิ่งพอได้ลองยิ่งพบว่า แนวกลิ่นน่าสนใจภายในบูติกน้ำหอมแห่งนี้ ไม่ได้มีแค่น้ำหอมสำหรับผู้หญิงเพียงอย่างเดียว แต่แนวกลิ่นเท่ๆ สำหรับผู้ชายก็มีให้เลือก Combine ได้สนุกมากไม่แพ้กัน THE STANDARD จึงอยากพาทุกคนไปรู้จักกับดีเอ็นเอของน้ำหอมแบรนด์นี้ด้วยกันสักครั้ง
Jo Malone London เป็นน้ำหอมสำหรับ Unisex
จริงๆ แล้ว Jo Malone London เป็นน้ำหอมสำหรับ Unisex ที่สามารถใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย จุดเด่นที่แฟนๆ ของน้ำหอมแบรนด์นี้ทราบกันดีคือ ความเป็น Fragrance Combining ที่ผู้ใช้สามารถ Combine กลิ่นน้ำหอมที่ชอบผสมกันเป็นกลิ่นใหม่ในแบบของตัวเองได้ เพราะแต่ละคนย่อมมีแนวกลิ่นที่ชอบไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
สมมติว่ากลิ่น English Pear & Freesia ที่เป็นกลิ่นยอดฮิตในหมู่สาวๆ ก็ไม่ได้แปลว่าหนุ่มๆ จะใช้กลิ่นนี้ไม่ได้ เพราะความสนุกอยู่ที่การมิกซ์แอนด์แมตช์กลิ่นได้ตามใจ
หนุ่มๆ ที่ชอบความหวานของ English Pear & Freesia ก็อาจเบรกความหวานให้ดูแมนขึ้นด้วยการ Combine กับกลิ่น Wood Sage & Sea Salt ได้ หรืออาจเลือกแนวกลิ่นเดียวที่เป็นกลุ่มความหอมแบบ Woody ซึ่งจะสตรองขึ้นมาอีกระดับ
ไอเดีย Combine กลิ่นน้ำหอมผู้ชายให้เข้ากับลุคและสไตล์ที่ต่างกัน
น้ำหอม Jo Malone London จะมีบางแนวที่กลิ่นออกแบบมาสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ เช่น Men’s Cologne Collection ที่มีการคัดสรรกลิ่นที่ใช่มาให้หนุ่มๆ เลือกง่ายขึ้น (หรือสาวๆ จะเลือกให้แฟนหรือคุณพ่อก็ได้นะ) เช่น ถ้าคุณเป็นผู้ชายลุคสบายๆ มีไลฟ์สไตล์ชิลๆ ก็น่าจะเหมาะกับ Lime Basil & Mandarin แต่ถ้าเป็นหนุ่มในเมืองที่ต้องคีปลุคทันสมัยก็น่าจะไปได้ดีกับกลิ่น Wood Sage & Sea Salt ส่วนหนุ่มที่ออกแนวเซ็กซี่ชอบเทกแคร์สาวๆ อาจจะเลือกกลิ่นที่เย้ายวนขึ้น เช่น Black Cedarwood & Junipe หรือถ้ามีบุคลิกเท่ๆ เข้มๆ ก็เหมาะกับกลิ่นทรงเสน่ห์อย่าง Oud & Bergamot Cologne Intense ซึ่งกลิ่นจะมีความเข้มและเท่
ลิสต์น้ำหอม Jo Malone London ที่หนุ่มๆ เทใจให้จนติดอันดับขายดี
ด้วยสภาพอากาศเมืองไทยที่เป็นเมืองร้อน แนวกลิ่นที่ขายดีและได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ชายคือ แนวกลิ่นที่บ่งบอกถึงความสบาย สดชื่น และสะอาด เช่น กลิ่นท็อปฮิตอย่าง Wood Sage & Sea Salt กลิ่นนี้จะเป็นกลิ่นของผู้ชายเจ้าสำอางนิดๆ ที่มีความทันสมัย สูดกลิ่นแล้วได้ฟีลสะอาดๆ เบื้องหลังของกลิ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากชายฝั่งของทะเลแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ ซึ่งจะมีลมโชยพัดสบาย และมีกลิ่นอายความเป็นทะเลเบาๆ มีความแคชวลผสมผสานอยู่ในกลิ่นของน้ำหอม เวลาหนุ่มๆ ใช้กลิ่นนี้จะเหมือนได้ Get Away ไปจากสถานที่วุ่นวาย แต่ถ้าคุณเป็นคนเนี้ยบ แดปเปอร์ขึ้น แนะนำแนวกลิ่น English Oak & Hazelnut ออกแนวกลิ่น Woody อุ่นๆ มีความเท่อยู่ในตัว เป็นกลิ่นที่แบรนด์คอนเฟิร์มว่าถ้าฉีดแล้วสาวๆ เป็นต้องเหลียวหลังแน่นอน แต่ถ้าเป็นผู้ชายที่มีบุคลิกซนๆ ขี้เล่นหน่อยๆ เหมาะกับกลิ่น Blackberry & Bay เป็นแนวฟรุตตี้ ทำมาจากผลของแบล็กเบอร์รีที่สดฉ่ำ ทำให้ได้กลิ่นหอมที่มีความขี้เล่น ชอบกิจกรรมเอาต์ดอร์เบาๆ และอย่างที่บอกว่าทุกกลิ่นยังสามารถ Combine กันได้อีก ทำให้น้ำหอมหนึ่งกลิ่น เมื่อไปฉีดทับกับอีกกลิ่น จะได้กลิ่นใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทันที
ภาพประกอบ: Peakoonnang B.
ภาพ: Courtesy of Brand
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
แบรนด์ Jo Malone London ก่อตั้งโดย โจ มาโลน (Jo Malone) ผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดศาสตร์การปรุงสกินแคร์มาจากคุณแม่ (ไอลีน มาโลน) ที่ทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ประทินผิวในกรุงลอนดอน เริ่มแรก เธอไม่มีสินค้าแบรนด์ตัวเอง ภายหลังแม่ของเธอป่วยจนทำงานไม่ได้ โจจึงทำงานเป็นช่างนวดหน้าประทินผิว จนมีชื่อเสียงเลื่องลือ ผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกของ โจ มาโลน เป็นน้ำหอมสกัดจากจันทน์เทศและขิง ที่เธอคิดค้นสูตรเอง และนำมาผสมลงในออยล์อาบน้ำให้กับลูกค้า ทำให้ยอดสั่งซื้อถล่มทลาย หลังจากนั้นโจและสามีได้ซื้อที่ในเมืองเชลซีเปิดร้านเล็กๆ ขายน้ำหอมและสกินแคร์แบรนด์ Jo Malone และขายดีจนโด่งดังไปทั้งลอนดอน ภายหลัง พ.ศ. 2542 โจ มาโลน ตัดสินใจขายกิจการให้กับบริษัทเครื่องสำอางยักษ์ใหญ่อย่าง Estée Lauder แต่เธอยังรั้งตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการสร้างสรรค์ และดูแลงานด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ Jo Malone London