ในสหรัฐอเมริกามีรายงานเกี่ยวกับสิวว่าส่งผลกระทบต่อชาวอเมริกันถึง 50 ล้านคนต่อปี 85% ของช่วงอายุ 12-24 ปี พบว่า มักเคยเป็นสิวกันทั้งนั้น และสิวยังสามารถเกิดได้กับคนอายุ 30 ขึ้นไปเช่นกัน มีการเก็บสถิติตัวเลขค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาสิว ว่ามีค่าใช้จ่ายต่อปีเกิน 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ปี 2013) ในประเทศไทยของเราเอง มีการรายงานโดยโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงว่า ใน 10 คน จะมีคนเป็นสิว 3 คน ปัญหานี้แม้จะมองว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติ แต่ก็ไม่มีใครอยากเป็นสิว ดังนั้ เราจึงมาแนะนำทิปส์ดีๆ เกี่ยวกับพฤติกรรม 5 ประการ ที่หากทำได้จะมีส่วนช่วยในการป้องกันและลดปัญหาสิวไปในตัว

เช็ดเมกอัพออกก่อนล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์

Why: เพราะมีหลายคนเข้าใจผิดว่า โฟมล้างหน้าก็ทำหน้าที่ทำความสะอาดเครื่องสำอางได้เช่นกัน แต่ความเป็นจริงควรลบเครื่องสำอางออกก่อนล้างหน้าจะดีที่สุด อย่าลืมว่าเมกอัพบางประเภทเป็นแบบกันน้ำ มีความติดทนเป็นพิเศษ การใช้โฟมล้างหน้าทั่วไปไม่สามารถกำจัดคราบและสีสันออกได้หมด จึงควรใส่ใจขั้นตอนนี้เป็นพิเศษ ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสำหรับคนเป็นสิว ส่วนใหญ่ไม่มีคุณสมบัติลบเครื่องสำอาง เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นการทำความสะอาดผิวเป็นหลัก

Tips: หลังจากเช็ดเมกอัพเสร็จแล้ว เราแนะนำ Tomei Facial Cleanser สำหรับทำความสะอาดผิวหน้าในลำดับต่อไป จุดเด่นอยู่ที่คุณสมบัติล้างหน้าได้สะอาด ไม่ทิ้งความมันไว้บนผิวหน้า ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของ P.Acnes ต้นเหตุของการเกิดสิว นอกจากนี้ยังลดการอักเสบของผิวหนัง หลังการล้างหน้าผิวคงความชุ่มชื้น ไม่รู้สึกแห้งตึงอีกด้วย

สระผมทุกครั้งหลังออกกำลังกาย

Why: เพราะคราบเหงื่อไคลที่เกิดจากการออกกำลังกาย รวมถึงต่อมไขมันที่ผลิตน้ำมันออกมาจากรูขุมขนบนหนังศีรษะเต็มไปด้วยความมัน ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวบริเวณกรอบหน้าและใบหน้าได้ บางคนออกกำลังกายมาเหงื่อท่วม แต่กลับมาบ้านก็อาบน้ำอย่างเดียว ไม่ยอมสระผม เป็นการสะสมสิ่งสกปรกจนอาจไปอุดตันรูขุมขน เป็นผลให้เกิดสิวตามมา การรักษาความสะอาดตั้งแต่หัวจรดเท้าจึงเป็นพฤติกรรมที่สามารถป้องกันการเกิดสิวได้

Tips: ควรเลือกใช้แชมพูและครีมนวดผมที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติเป็นหลัก เพราะบางคนแพ้แชมพูหรือครีมนวด ทำให้เกิดสิวผด หรือสิวอุดตันบริเวณกรอบหน้า ขากรรไกร หรือหน้าผาก เทคนิคการเลือกแชมพูให้สังเกตส่วนผสมที่ไม่มี SLS, พาราเบน หรือน้ำหอม

วางมือให้ห่างจากใบหน้า

Why: การสัมผัสกับใบหน้าที่เป็นสิว ไม่เป็นผลดีต่อสิว เพราะมือของเราอาจมีสิ่งสกปรกหรือเชื้อโรคติดอยู่ ยิ่งใครเป็นสิวอักเสบ หรือสิวหนองอยู่ แล้วได้รับเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อโรค รวมถึงฝุ่นละอองอื่นๆ ไปสัมผัสกับสิว จะยิ่งไปเพิ่มการระคายเคือง ทำให้สิวไม่หายสักที ดังนั้น คนเป็นสิวจึงควรควบคุมตัวเองไม่ให้มือไปสัมผัสโดนใบหน้าบ่อยๆ รวมถึงหยุดพฤติกรรมแคะ แกะ กดสิว อันเป็นสาเหตุของรอยแดง รอยบวม และเสี่ยงเป็นรอยดำจากสิว รวมถึงเป็นรอยแผลเป็นที่ใช้เวลารักษายาวนาน

หลีกเลี่ยงแสงแดด

Why: แสงแดดเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เพิ่มการอักเสบของสิว เพราะยารักษาสิวบางชนิดส่งผลให้ผิวไวต่อแสงแดด คนเป็นสิวจึงควรระมัดระวังเรื่องแสงแดดมากเป็นพิเศษ หากต้องเผชิญแสงแดดจริงๆ ควรสวมใส่เสื้อผ้าแขนยาว หมวกปีกกว้าง กางร่ม และไม่ลืมทาครีมกันแดดที่เหมาะกับสภาพผิวของคนเป็นสิวโดยเฉพาะ เช่น ปราศจากซิลิโคน น้ำหอม และพาราเบน

หลีกเลี่ยงอาหารขยะ มาเพิ่มการทานผัก ผลไม้ หรือธัญพืช

Why: พยายามสรรหาอาหารที่มีประโยชน์และดีต่อผิว เพราะมีผลวิจัยจากผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ที่ยอมรับว่า อาหารประเภทผลไม้สด ผัก หรือธัญพืชบางชนิดดีต่อผิว มีงานวิจัยพบว่า ผู้ป่วยที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินจากการบริโภคเนื้อสัตว์ นมวัว อาหารขยะ และของมัน มาเป็นอาหารมังสวิรัติ หรือปรับมาทานผักและผลไม้มากขึ้น พบว่า อัตราการเกิดสิวลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ เพราะในผักและผลไม้รวมถึงธัญพืชต่างๆ มักจะมีวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยให้ผิวพรรณดีขึ้น และสิวลดน้อยลง

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล