×

คอเนอร์ ช่างประปาที่ก้าวขึ้นสู่แชมป์ UFC 2 รุ่นคนแรกในประวัติศาสตร์

27.07.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

8 mins read
  • คอเนอร์ แม็กเกรเกอร์ ยอดนักสู้ MMA ชาวไอริช กำลังเตรียมขึ้นชกไฟต์ประวัติศาสตร์กับฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ นักมวยสากลไร้พ่าย ในกติกาของมวยสากลวันที่ 27 สิงหาคมนี้ ตามเวลาประเทศไทย
  • คอเนอร์ แม็กเกรเกอร์ สร้างชื่อเสียงด้วยสไตล์การต่อสู้ที่รวดเร็วและดุดันไม่แพ้กับฝีปากของเขาในงานแถลงข่าวหรือการชั่งน้ำหนักก่อนขึ้นชก
  • The Secret หนังสือที่เผยความลับซึ่งจะทำให้คุณสมปรารถนาทุกประการ มีส่วนสำคัญในการช่วยเปลี่ยนชีวิตของคอเนอร์
  • คอเนอร์เริ่มต้นเรียนรู้มวยสากลในไอร์แลนด์ ก่อนตัดสินใจเลือกที่จะขึ้นชกศิลปะการต่อสู้แบบผสม

     “นายยังไม่รู้จักการต่อสู้ที่แท้จริง นายไม่เคยไปอยู่ตรงนั้น ที่นายเคยเจอมันคนละระดับกันว่ะฟลอยด์” เป็นหนึ่งในประโยคเด็ดที่ คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ ปะทะคารมกับ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ในงานแถลงข่าวก่อนขึ้นชกวันที่ 27 สิงหาคมนี้ ตามเวลาประเทศไทย

     ไม่ใช่แค่คำเย้ยหยัน เพราะแท้จริงแล้วคำพูดนี้กำลังสะท้อนถึงเรื่องราวบางอย่างในชีวิตของคอเนอร์ที่ก้าวแรกสู่สังเวียนของเขาไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

 

จากแฟนปีศาจแดงสู่นักมวยสากล

     ดับลิน ไอร์แลนด์ คือถิ่นกำเนินของคอเนอร์ แม็กเกรเกอร์ ซึ่งเขาเติบโตขึ้นในครอบครัวชนชั้นแรงงาน

     สิ่งที่เขามีเหมือนเด็กๆ ในทวีปยุโรปทั่วไปคือความหลงใหลในกีฬาฟุตบอล ซึ่งทีมโปรดของเขาคือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แถมในวัยเด็กเขายังเคยลงเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลท้องถิ่นอีกด้วย

     แต่ในระหว่างที่เขาเดินทางกลับจากการฝึกซ้อมฟุตบอล เขามักจะผ่านค่ายมวยสากลซึ่งตั้งอยู่ข้างๆ สโมสร จนท้ายที่สุดเขาได้ตัดสินใจลองเข้าไปฝึกซ้อมมวยสากลทุกๆ ครั้งก่อนจะไปซ้อมฟุตบอล

     ในวัย 15 ปี คอเนอร์ได้พบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อครอบครัวเขาย้ายจากครัมลินไปลูแกน ซึ่งเป็นเขตติดชายแดนของดับลิน มีเพียงภูเขาเปรียบเสมือนภาพถ่ายแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในไอร์แลนด์ อีกทั้งครอบครัวของเขายังต้องใช้ชีวิตอยู่ในบ้านแคบๆ ในย่านที่ค่อนข้างสงบ

     ในตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ลำบากของคอเนอร์ เนื่องจากเขาต้องทิ้งเพื่อนๆในวัยเด็กไป และต้องเริ่มหาเพื่อนใหม่

     “มันเป็นสิ่งที่ยากมากสำหรับวัยรุ่น ผมไม่ค่อยโอเคกับสถานการณ์ในตอนนั้น และผมรู้สึกต่อต้านครอบครัวเป็นเวลานานมากจากการตัดสินใจของพวกเขา”

     สถานการณ์ของครอบครัวคอเนอร์ดูเหมือนจะพบกับปัญหา แต่แท้จริงเหตุการณ์นี้มีส่วนสำคัญในการช่วยเขาเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต

     “สุดท้ายในระยะยาว เหตุการณ์ครั้งนั้นช่วยผมมากในอาชีพนักสู้ของผม เพราะการที่ผมถูกตัดขาดทำให้ผมได้มีเวลาอยู่กับความคิดของตัวเองมากขึ้น ผมรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ดีมากในการใช้เวลากับตัวเองเพื่อคิดหาทางออก” คอเนอร์ได้กล่าวถึงประสบการณ์ของเขาในลูแกน

     นอกจากนี้ลูแกนยังเปิดโอกาสให้เขาได้พบกับศิลปะการต่อสู้ชนิดใหม่ นั่นก็คือ Kickboxing ทำให้เขาจริงจังกับการชกมวยมากขึ้น แทนที่จะตามรอยของเด็กชาวไอริชคนอื่นๆ คอเนอร์กำลังสร้างทางของเขาเอง

     “ผมเริ่มต้นชื่นชอบศิลปะการต่อสู้มากกว่าฟุตบอล แทนที่จะไปสนามฟุตบอล ผมเลือกที่จะเข้าค่ายมวยแทน” คอเนอร์กล่าวถึงจุดเริ่มต้นความหลงใหลในศิลปะการต่อสู้

     หลังจากเริ่มฝึกซ้อมมวยสากลและ Kickboxing เป็นประจำ เขาเริ่มสนใจยูยิตสู และจิ๊กซอว์ความเป็นนักรบของคอเนอร์ก็เริ่มประกอบร่างขึ้นในวันนั้นเอง

     วัฒนธรรมของชาวไอริชคือ หากคุณไม่สนใจเรียน คุณก็ไม่มีทางตั้งเป้าเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อคว้าใบปริญญาบัตรได้ ดังนั้นคุณจึงต้องหาวิชาชีพและเริ่มต้นทำงานตั้งแต่วัยเด็ก และนั่นคือสิ่งที่คอเนอร์เลือกทำ

     เขาไม่สนใจการเรียน เพราะเชื่อว่ามันจะไม่เป็นประโยชน์ต่อตัวเขา แต่แม่ของเขาก็ยังเชื่อว่าคอเนอร์ฉลาดพอที่จะเรียน แต่เขาไม่สน เพราะเขาต้องการที่จะซ้อม

     แต่การที่ยังใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวก็ทำให้เขาถูกบังคับให้หางานทำ โดยงานแรกที่ได้คือช่างประปาเพื่อหารายได้เลี้ยงตัว

     จากการทำงานอย่างหนัก คอเนอร์มีโอกาสที่จะสร้างรายได้ดีตั้งแต่วัยเด็ก แต่เขาเกลียดงานนั้นตั้งแต่เริ่ม เนื่องจากเป็นงานที่หนักเกินไป โดยเห็นตัวอย่างจากเพื่อนร่วมงานที่ทำมานานกว่าเขา และมองเห็นถึงความสิ้นหวังในดวงตาของเพื่อนร่วมสายอาชีพ รวมถึงสุขภาพที่ย่ำแย่ลงทุกวัน

     คอเนอร์จึงยังฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้ทุกครั้งที่มีโอกาสอย่างต่อเนื่อง เขาทำงาน 10-12 ชั่วโมงต่อวัน ก่อนจะตรงไปที่ยิมเพื่อฝึกซ้อมและขึ้นชกในช่วงสุดสัปดาห์ สิ่งที่เขาต้องการคือการเป็นยอดนักสู้

     สุดท้ายการทำงานและฝึกซ้อมไปด้วยทำให้ร่างกายของเขารับไม่ไหว คอเนอร์จึงต้องตัดสินใจลาออกจากงาน ซึ่งแน่นอนว่าพ่อแม่ของเขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากสิ่งที่คอเนอร์ต้องการทำหลังจากลาออกคือการเป็นนักสู้อาชีพ ซึ่งดูเหมือนเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหาเลี้ยงตัวเองได้

     “มีนักมวยไอริชคนไหนประสบความสำเร็จบ้าง” คอเนอร์เล่าถึงการทะเลาะกับพ่อแม่ในวันนั้น “ผมยอมรับว่าผมไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้ เพราะไม่เคยมีนักมวยไอริชคนไหนประสบความสำเร็จจนสามารถต่อสู้เป็นอาชีพได้”

     แต่สุดท้ายเขาก็ยึดมั่นในการตัดสินใจของตัวเอง และกล่าวสั้นๆ กับพ่อแม่ว่า

     “พวกคุณจะเสียใจเมื่อผมเป็นเศรษฐีเงินล้าน” คอเนอร์พูดกับพ่อของเขาในวัย 25 ปี ซึ่งพ่อของเขาก็ตอบกลับมาด้วยเสียงหัวเราะที่ขบขันต่อความคิดเพ้อฝันของคอเนอร์

 

เส้นทางที่ไม่เปิดโอกาสให้หันหลังกลับ

     ในคืนวันหนึ่ง คอเนอร์และแฟนสาวนั่งชมการถ่ายทอดสดกีฬาในสหรัฐฯ​ แล้วเขาก็ชี้ไปที่โทรทัศน์ พร้อมกับบอกพ่อของเขาว่า นี่แหละคือสิ่งที่เขาต้องการ อีกไม่กี่ปีเขาจะไปอเมริกาให้ได้

     คอเนอร์ได้ขึ้นชก MMA หรือศิลปะการต่อสู้แบบผสมครั้งแรกในเดือนมีนาคม ปี 2008 ในระหว่างที่คอเนอร์ดูเทปการขึ้นชก 6 ไฟต์แรกกับจอห์น คาวานากห์ โค้ชประจำ Straight Blast Gym ในไอร์แลนด์ เขาเริ่มเห็นศักยภาพที่จะพัฒนาตัวเองได้ตั้งแต่เริ่มชก เขาชนะ 4 ไฟต์ และแพ้ 2 ไฟต์ ซึ่งชัยชนะและความพ่ายแพ้ของเขาแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและจุดด้อยที่ต้องเร่งพัฒนา

     คอเนอร์เริ่มฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อแก้ไขจุดด้อยของตัวเอง โดยเขาขอให้ จอห์นปั๊มกุญแจยิมเพิ่มให้เพื่อจะได้เดินทางมาฝึกซ้อมในตอนกลางคืน เขาหลงใหลในการเคลื่อนไหว ความยืดหยุ่น และความแข็งแกร่ง เขาตื่นในช่วงบ่ายเพื่อลุกขึ้นมายืดกล้ามเนื้อ และซ้อมในบ้านด้วยการชกลม

     หลังจากนั้นในไฟต์ที่ 7 คอเนอร์เริ่มหาทางของตัวเองเจอ เขาชนะน็อก ฮิวจ์ แบรดลีย์ คู่ต่อสู้ โดยใช้เวลาเพียง 2 นาที ไฟต์ที่ 8 เขาใช้เวลาเพียง 16 วินาทีในการน็อกคู่ชก หลังจากนั้นสถิติชัยชนะและชื่อเสียงของเขาก็เติบโตขึ้นไปพร้อมกัน จนกระทั่งชื่อของเขาไปถึงหูของดานา ไวท์ ประธานของ UFC การแข่งขันศิลปะการต่อสู้แบบผสมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก โดยแฟนกีฬาชาวไอริชเชียร์ให้ UFC เซ็นสัญญากับคอเนอร์ เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าคอเนอร์พร้อมแล้วที่จะเป็นนักสู้รุ่น Featherweight ที่ดีที่สุดในโลก

     หลังจากคอเนอร์เก็บชัยชนะไฟต์ที่ 8 ซึ่งเป็นการชนะน็อกเอาต์ในเวลาเพียง 2 ปี ดานา ไวท์ ก็ได้เซ็นสัญญากับคอเนอร์ โดยไฟต์แรกให้ขึ้นชกกับมาร์คัส บริเมจ ในเดือนเมษายน ปี 2013 ซึ่งคอเนอร์ก็ใช้เวลาเพียงนาทีเศษในการน็อกคู่ชกของเขา

 

ราชาของลาสเวกัส พบกับราชาของไอร์แลนด์

     ดานา ไวท์ พาคอเนอร์มาที่ลาสเวกัส ในเวลานั้นคอเนอร์ที่ได้ฉายาว่า The Notorious Conor ก้าวขึ้นรถของดานา ซึ่งเขาไม่รู้เลยว่านี้คือจุดเริ่มต้นสู่ความยิ่งใหญ่ของตัวเอง

     ด้วยความสามารถทางการตลาดของดานา บวกกับความสามารถในการชก และพูดจาโอ้อวดของคอเนอร์ ส่งให้ทั้งคู่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดย UFC ได้สร้างตัวตนให้คอเนอร์เป็นฮีโร่ของชาวไอร์แลนด์ ดานา ไวท์ เคยกล่าวไว้ครั้งหนึ่งว่า เมื่อไรก็ตามที่คอเนอร์ขึ้นชก ทั้งประเทศไอร์แลนด์จะหยุดชะงักเพื่อชมไฟต์นั้น

     คอเนอร์สร้างสถิติไว้มากมายด้วยบุคลิกที่น่าติดตาม มีฝีปากไม่แพ้กับสไตล์การชกที่รวดเร็วและดุดัน ภายในเวลาไม่ถึง 4 ปีในศึก UFC เขาก็สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเอาชนะเอ็ดดี้ อัลวาเร แชมป์รุ่น Lightweight ไปอย่างง่ายดาย และคว้าแชมป์ 2 รุ่นในเวลาเดียวกันได้เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ของ UFC ที่ก่อตั้งมาทั้งหมด 23 ปี (แชมป์รุ่น Lightweight และ Featherweight)

     ในระหว่างที่คอเนอร์ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด เขายังเป็นเหมือนแสงสว่างให้กับนักสู้หลายๆ คนที่หลงรักในสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่น เขาเป็นฮีโร่ในฐานะคนที่หนีชีวิตช่างประปาในไอร์แลนด์ และสร้างหนทางของตัวเอง

 

 

จุดเริ่มต้นของความมั่นใจในตัวเองจาก The Secret

     หากคุณดูคอเนอร์ขึ้นเวทีปะทะฝีปากกับฟลอยด์อย่างเมามัน คุณจะไม่เชื่อว่าในวัยเด็กคอเนอร์เป็นเด็กที่ค่อนข้างเงียบและไม่มีความมั่นใจในตัวเอง โดยเอริน แม็กเกรเกอร์ พี่สาวของคอเนอร์ได้เปิดเผยว่าจุดเริ่มต้นของความมั่นใจว่า คอเนอร์เริ่มจากหนังสือ The Secret ที่เขียนโดยรอนดา เบิร์น ซึ่งสอนปรัญชาความเชื่อว่าพลังของการมองโลกในแง่บวกสามารถเปลี่ยนชีวิตของคุณได้ และสามารถนำพาทุกอย่างที่คุณต้องการมาให้เมื่อปี 2006

 

     

     โดยเอรินได้มอบดีวีดีของ The Secret ให้กับคอเนอร์ในวันที่เขารู้สึกไม่ดี และเขาก็ตัดสินใจนั่งดู

     “วันที่ผมเริ่มดู The Secret ผมไม่เชื่อและรู้สึกว่าเป็นเรื่องไร้สาระมาก แต่สุดท้ายอะไรบางอย่างในตัวผมก็เริ่มเห็นด้วย”

     คอเนอร์เริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่เขาคิดถึงตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือร้ายมักจะเป็นจริงตลอด และคอเนอร์กับแฟนสาวของเขา ดี เดฟลิน ได้ทดลองใช้ด้วยการโฟกัสที่เรื่องเล็กๆ เช่น ระหว่างขับรถไปที่ห้างสรรพสินค้า เขาจะโฟกัสไปที่จอดรถใกล้กับประตูทางเข้า

     “เราขับรถไปร้านค้าและคิดในหัวตลอดถึงที่จอดรถนั้น และเราก็สามารถจอดตรงนั้นได้ทุกครั้ง”

     จากเริ่มต้นคิดถึงเรื่องเล็กๆ คอเนอร์เริ่มปรับใช้กับเรื่องสำคัญในชีวิตของเขา วันนี้เอริน พี่สาวของคอเนอร์ เชื่อว่าตัวเขามีพลังความคิดในแง่บวกตั้งแต่เด็กที่ซ่อนอยู่ในตัวเขาตลอดมา ซึ่งทุกคนในครอบครัวของคอเนอร์ก็เชื่อว่า จากการได้นั่งดู The Secret ในวันนั้นคือจุดเปลี่ยนจากเด็กน้อยที่ไม่ค่อยพูดให้กลายเป็น ชายหนุ่มผู้มีความมั่นใจ ชายผู้พูดถึงสิ่งที่เขาต้องการและออกไปไขว่คว้ามันมาให้ได้ และนี่คือจุดเริ่มต้นของความฝันในการเป็นแชมป์โลก ความสำเร็จทางการเงิน และชื่อเสียงเกียรติยศ ทั้งหมดเกิดจากการวางรากฐานลงบนความเชื่อมั่นในตัวเอง

 

ตัวตนที่แท้จริง

     หลายคนมีความรู้สึกหมั่นไส้ในความโอ้อวดของเขา โดยเฉพาะแฟนๆ ชาวไอริชที่มีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไปมองว่า คอเนอร์เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับเยาวชนชาวไอริช ต่างกับฮีโร่ของพวกเขาคนก่อนๆ ที่สุขุมและไม่โอ้อวดความสำเร็จบนเวที

     แต่คอเนอร์ก็ตอบโต้ว่าแท้จริงแล้วเขาไม่ใช่คนแบบนั้น โดยเขายืนยันว่าคนที่เห็นในโทรทัศน์กับคนท่ีเดินตามท้องถนนคือคนละคนกัน

     “ผมไม่ใช่คนที่หยิ่งยโส ในเวลาที่คนมาพบกับผม ผมดีกับทุกคน ผมจะดีกับทุกคนที่ดีกับผม” คอเนอร์เผยถึงตัวตนที่แท้จริง “ที่ผ่านมา หลายคนมีมุมมองที่ไม่ดีเกี่ยวกับผม พวกเขาเลือกที่จะไม่มาพบกับผมเลย แทนที่จะหาความจริงด้วยการคุยกับผม

     “แต่ผมไม่สามารถควบคุมความคิดคนได้ ผมดำเนินชีวิตตามความเหมาะสมอย่างที่ผมคิด ผมไม่สามารถนั่งคิดว่าคนอื่นมองผมยังไง เพราะคนที่มองผมมีมุมมองที่แตกต่างกันออกไป นี่คือชีวิตที่ผมอยู่ เพราะฉะนั้นผมไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากเดินหน้าต่อไป”

 

 

เป้าหมายที่แท้จริง

     คอเนอร์พบกับแฟนสาวของเขาเมื่อปี 2008 ที่ไนต์คลับแห่งหนึ่ง ซึ่งเขาได้ชวนเธอมานั่งคุย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เริ่มต้นกันตั้งแต่นั้นมา โดยคอเนอร์ยอมรับว่ากำลังใจสำคัญของชีวิตเขามาจากดี เดฟลิน ซึ่งมักจะแนะนำเขาไปในทางท่ีถูกต้องเสมอ โดยเป้าหมายของเขาคือต้องการทำให้คนที่รักมีความสุข

     “เธอจะขับรถพาผมไปส่งที่ยิม เธอฟังทุกความฝันของผม เธอคือผู้ช่วยชีวิตผม ผมคงไม่มีวันนี้ถ้าไม่เธอ เพราะผมทำทุกอย่างนี้ก็เพราะเธอ วันหนึ่งในอนาคตผมจะนั่งอยู่ริมทะเลกับดี โดยไม่มีความกังวลอะไรมาก่อกวนพวกเราได้”

     นั่นคือเหตุผลที่คอเนอร์ขึ้นชกทุกวันนี้ เขาต้องการสร้างสถานะทางการเงินที่มั่นคงเพื่อครอบครัว โดยคอเนอร์เพิ่งได้รับข่าวดีเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่าภรรยาของเขาได้ลูกชายที่มีชื่อว่า คอเนอร์ แจ็ก แม็กเกรเกอร์ จูเนียร์

     คอเนอร์เคยให้สัมภาษณ์ระหว่างการเดินทางในชีวิตบนสังเวียน 8 เหลี่ยมว่า การต่อสู้คือหนทางหนีจากชีวิตของเขา เขาพบอิสระและเสรีภาพในการไล่ล่าเป้าหมายของตัวเอง แต่ตลอดเส้นทางของเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาขึ้นชกทั้งหมด 24 ครั้ง ชนะ 21 และแพ้ 3 ครั้ง

     โดยในวันที่มีความมั่นใจมากที่สุดในปี 2016 เขาก็ถูกยัดเยียดความพ่ายแพ้ด้วยการขอยอมแพ้หรือ tap out ให้กับเนต ดิแอซ ทั้งที่ห่างเหินจากความพ่ายแพ้มานานถึง 6 ปี แต่ในท้ายที่สุดเขาก็กลับมาเอาชนะเนตได้แบบขาดลอยในการรีแมตช์ไฟต์ต่อมา แสดงให้เห็นว่าเมื่อไรก็ตามที่มีคนเอาชนะเขาได้ เขาจะกลับไปฝึกซ้อมเพื่อแก้ไขและกลับมาอย่างแข็งแกร่งกว่าเดิม ไม่ต่างจากการเริ่มต้น 6 ไฟต์แรกของเขา

     “เราเป็นเพียงมนุษย์ซึ่งต้องพบกับจุดจบสักวันหนึ่ง สำหรับผม เวลาเกิดเหตุการณ์เลวร้าย ผมจะถอยหลังมาและใส่ตัวผมเข้าไปในกรอบความคิดแง่บวก ถ้ามันเป็นอะไรที่ผมควบคุมได้ ผมจะก็จะทำ แต่ถ้าไม่ได้ ผมก็จะปล่อยมันไป มีหลายอย่างที่เป็นแรงผลักดันของผม ผมคิดถึงจุดที่ผมอยู่ และจุดที่ผมเคยอยู่ ผมเดินต่อไปข้างหน้า และนั่นคือสิ่งที่ช่วยให้ผมผ่านเวลาอันเลวร้ายไปได้”

 

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising