ฟุตบอลทีมชาติไทยได้ลงฝึกซ้อมครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยมีทั้ง เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีรศิลป์ แดงดา และธีราทร บุญมาทัน สามนักเตะไทยจากเจลีก พร้อมกับนักเตะรวมทั้งหมด 27 คนร่วมลงฝึกซ้อมที่สนามวินด์มิลล์ ฟุตบอล คลับ เพื่อเตรียมลงแข่งขันฟุตบอลเอเชียนคัพ 2019 ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระหว่างวันที่ 5 มกราคม ถึง 1 กุมภาพันธ์ 2019
โดยการฝึกซ้อมในวันแรกเน้นไปที่การฟื้นฟูสภาพร่างกายของนักเตะ มุ้ย-ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าของทีม ยอมรับว่าการเล่นในระดับเอเชียไม่ง่าย ทุกเกมมีความสำคัญ แต่จะพยายามทำผลงานอย่างเต็มที่
“ผมมองว่าทุกเกมสำคัญ แม้เกมแรกกับอินเดียซึ่งเป็นเกมแรกของทัวนาเมนต์จะสำคัญมากที่สุดก็ตาม เพราะหากเราชนะได้ โอกาสผ่านเข้ารอบก็จะเปิดกว้าง และการเล่นในเกมที่เหลือจะทำให้เราผ่อนคลายยิ่งขึ้น”
ขณะที่ เมสซีเจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์ กองกลางตัวเก่งของทีม กล่าวสั้นๆ ว่า “โค้ชให้เล่นอะไรผมเล่นได้หมด ผมขอปรับตัวเข้ากับแผนการเล่นของโค้ชเองดีกว่า ดีกว่าเขาจะปรับแท็กติกการเล่นเพื่อผม สุดท้ายผมอยากเล่นเพื่อทีมมากกว่าครับ”
นอกจากนี้ทางด้าน อดิศักดิ์ ไกรษร กองหน้าคนสำคัญทีมชาติไทย เจ้าของสถิติ 8 ประตูในศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2018 ได้ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่ารู้สึกผิดหวังกับผลงานในรายการที่ผ่านมา แต่เชื่อมั่นว่าทุกคนก้าวผ่านมันไปแล้ว และพร้อมโฟกัสในรายการเอเชียนคัพที่กำลังจะมาถึงอย่างเต็มที่
“ผมว่ามันผ่านไปแล้วครับ (ศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน) จริงอยู่ที่เราเคยผิดหวังกันมากๆ แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องจมปลัก เพราะเราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ ดังนั้นผมเชื่อว่าทุกคนก้าวผ่านมันไปแล้ว และกำลังโฟกัสในรายการเอเชียนคัพที่กำลังจะมาถึงกันเต็มที่ แน่นอนว่าจากการที่เราห่างหายไปถึง 12 ปี ผมมั่นใจว่าทุกคนกระหายที่จะลงเล่นกันมากๆ
“ส่วนตัวผม จากการพลาดจุดโทษในวันนั้น มาตอนนี้ก็ดีขึ้นบ้างครับ แต่ถ้าถามว่าลืมไปเลยหรือเปล่าก็คงเป็นไปไม่ได้ ลึกๆ ก็ยังเสียใจอยู่ แต่ก็พยายามไม่คิดถึงมัน และในฐานะที่ผมเป็นนักฟุตบอล สักวันหนึ่งผมก็ต้องเผชิญกับเหตุการณ์แบบนั้นอีก และหลังจากนี้ถ้ามีโอกาสผมก็ยังพร้อมที่จะรับหน้าที่เหมือนเดิม เพราะอย่างที่บอก ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ ผมขอสู้กับมันดีกว่า
“บรรยากาศในทีมก็ยังดีเหมือนเดิมครับ อาจมีน้องๆ หน้าใหม่เข้ามาบ้าง แต่ทุกคนก็คุ้นเคยกันดี อีกอย่างการได้ 4 คนนั้น (ธีรศิลป์ แดงดา, ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีราทร บุญมาทัน และกวินทร์ ธรรมสัจจานันท์) เข้ามาก็ทำให้ทีมแข็งแกร่งมากขึ้น และถ้าเราจูนกันติด ประกอบกับด้วยอะไรหลายๆ อย่างที่โอเคมากขึ้น ผมเชื่อว่าเราก็มีโอกาสที่จะผ่านเข้ารอบไปได้”
สำหรับทีมชาติไทยได้สิทธิ์ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายเอเชียนคัพเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี โดยอยู่ในกลุ่ม A ร่วมกับทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ในฐานะเจ้าภาพ, ทีมชาติอินเดีย และทีมชาติบาห์เรน
เกมแรกไทยจะลงสนามในวันที่ 6 มกราคม เวลา 20.30 น. พบกับอินเดีย ที่สนามอัล นาห์ยาน สเตเดียม กรุงอาบูดาบี ต่อด้วยวันที่ 10 มกราคม เวลา 18.00 น. พบกับบาห์เรน และวันที่ 14 มกราคม เวลา 23.00 น. พบกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
โดย 27 นักเตะที่ถูกเรียกมาติดทีมต่างลงฝึกซ้อมกันอย่างพร้อมหน้า เหลือเพียง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ผู้รักษาประตูกัปตันทีมที่เพิ่งเดินทางถึงประเทศไทยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 21 ธันวาคม แต่กวินทร์ยังต้องรอทีมแพทย์ทีมชาติไทยตรวจสอบอาการบาดเจ็บบริเวณใต้เท้าระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ที่เกิดในแมตช์ดวลเมเชเลนเมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา และยังไม่สามารถลงเล่นได้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แต่ก็ยืนยันว่าพร้อมเปิดโอกาสให้เด็กรุ่นใหม่ก้าวขึ้นมาเฝ้าเสาแทน
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์