ตัวเลข 365 วันที่บอกระยะเวลาหนึ่งปีในชีวิตของ ป้อม–วินิจ บุญชัยศรี ไม่เคยจะมีตารางวันว่างติดๆ กันเลยสักครั้ง ด้วยคิวงานที่แน่นยิ่งกว่าคิวดาราดัง ทำให้ชื่อของเขาได้รับการขนานนามไว้หลากหลาย ตั้งแต่ช่างคิวทอง, พ่อมดแห่งวงการแต่งหน้า หรือแม้แต่ฉายาคุณแม่ของเหล่าซูเปอร์สตาร์เมืองไทย เป็นการการันตีถึงชื่อเสียงและความสามารถด้านการแต่งหน้าที่เขาต้องอาศัยความกล้าเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองเมื่อ 25 ปีก่อน แต่ความสำเร็จที่มีทั้งหมดไม่ได้ถือเป็นจุดสูงสุดของชีวิต เทียบกับการได้แต่งหน้าคนธรรมดาให้สวยที่สุด
กล้าที่จะก้าวบนทางเลือกแรกในชีวิต
การตัดสินใจเลือกทางเดินของชีวิตตัวเอง จะเรียกว่าเป็นความกล้าหาญก็ว่าได้ เพราะเริ่มแรก เส้นทางศิลปะที่เลือกเรียนไม่ใช่เส้นทางที่คุณพ่อเห็นด้วยนัก เพราะคุณพ่อท่านจบรัฐศาสตร์การทูตมาจากธรรมศาสตร์ ก็หวังอยากให้เราเรียนแพทย์ เพราะเขาดูแล้วว่าอาชีพแพทย์ เรียนจบมายังไงก็ไม่มีทางตกงาน แต่ก็ได้ค้นพบว่าตัวเองชอบทางศิลปะมาตั้งแต่เด็ก อาจเป็นความชอบตั้งแต่สมัยป. 1-2 ซึ่งเรายังไม่รู้ตัวเองว่านั่นคือความชอบ พอได้ย้อนไปเปิดดูสมุดพกประจำตัวตอนเด็กๆ เห็นลายมือคุณครูเขียนกำกับไว้เลยว่า ให้ผู้ปกครองสนับสนุนด้านศิลปะและหัตถกรรมแก่เด็กชายวินิจอย่างเต็มที่ (หัวเราะ) ก็เลยจำได้ว่าตอนเด็กๆ เป็นคนชอบประดิษฐ์ วิชาอะไรที่เกี่ยวกับทำอาหาร งานประดิษฐ์ เย็บปักถักร้อย เราทำได้ดีหมด แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไปเรียนศิลปะที่เพาะช่าง เลยได้คลุกคลีกับงานด้านศิลปะ การวาด การเพนต์ต่างๆ จนเข้าสู่วงการแต่งหน้าในทุกวันนี้
ชั่วโมงบินเกิน 25 ปี
เป็นช่างแต่งหน้ามาเกิน 25 ปี สมัยก่อนจะมีอยู่ไม่กี่คนที่เป็นช่างแต่งหน้ารุ่นบุกเบิก แล้วเราก็เป็นรุ่นถัดมา พอมาเป็นรุ่นเราแล้วเนี่ย มีช่างแต่งหน้าเพิ่มมาเป็นร้อย ในขณะที่ยุคนี้ปี 2017 มีเพิ่มมาเป็นหมื่น มีทั้งช่างแต่งหน้ามืออาชีพ มือสมัครเล่น มีบิวตี้บล็อกเกอร์ ก็รู้สึกว่าทุกวันนี้วงการมันบูมมาก เทียบกับสมัยก่อนที่มีเคาน์เตอร์เครื่องสำอางเพียงไม่กี่แบรนด์ ตรงกันข้ามกับทุกวันนี้ที่มีผลิตภัณฑ์ดีๆ ให้เลือกใช้มากมายจากช้อปชื่อดังที่มาจากทุกมุมโลก
“ถ้ามีคนถามว่าจุดสูงที่สุดของช่างแต่งหน้าคืออะไร มันไม่ใช่ชื่อเสียงหรือเงินทองที่ได้มา ไม่ใช่คำชมจากปากใครๆ ว่าเราคือคนที่แต่งหน้าเก่ง แต่คือการแต่งหน้าคนธรรมดาให้สวยที่สุด”
ประสบการณ์ที่สุดของชีวิตช่างแต่งหน้า
ตอนไปแต่งหน้าให้กับชมพู่–อารยา เอ ฮาร์เก็ต ในการเดินพรมแดงที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ เป็นอีกเหตุการณ์สำคัญในชีวิตที่ตัวเราเองรู้สึกภูมิใจ เราไปในฐานะช่างแต่งหน้าให้กับน้องชม เป็นงานระดับโลก เลยค่อนข้างตื่นเต้นและมีความคาดหวังมาก เพราะก่อนที่เราจะไปแต่งหน้าให้ น้องชมเขาไปเดินพรมแดงก่อนหน้านั้นตั้งสองปีแล้ว ด้วยความที่เราก็แต่งหน้าให้น้องเขามานาน เรียกว่าเรารู้จักทุกจุด ทุกพื้นผิวหน้าของชม แล้วน้องก็แฮปปี้ที่จะให้เป็นเรา
พอไปแล้วเราก็ต้องทำให้ดีกว่าสิ่งที่ช่างแต่งหน้าฝรั่งเขาเคยทำไว้ อีกอย่างคือเราไปพร้อมกับแบกความคาดหวัง การทำงานนั้นคือเราจะได้แต่งหน้าชมสลับกับช่างฝรั่งคนละวัน ถ้าเราจะไปแต่งหน้าแล้วชมสวยเสมอตัวก็ไม่ใช่ป้อม วินิจ เลยบอกกับตัวเองว่าฉันต้องไปแล้วชนะ ชนะในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าจะไปฆ่าเขานะ แต่หมายถึงชนะตัวเราเอง จะต้องมีคนพูดถึงผลงานของเรา และเราก็ต้องแต่งหน้าให้น้องดูสวยและโดดเด่นมากที่สุด
ศิลปะของการแต่งหน้าคือความละเอียด
คนมักพูดว่าการแต่งหน้าในแบบพี่ป้อม วินิจ ละเอียดมาก จริงๆ มันก็ต้องละเอียด เพราะเรากำลังทำงานศิลปะ จากประสบการณ์ที่ไปแต่งหน้าสู้กับช่างฝรั่ง เราพบว่าเรามีความละเอียดกว่าเขา ตอนนี้กล้าพูดได้เลยว่าช่างแต่งหน้าในเมืองไทย สู้ช่างแต่งหน้าฝรั่งได้พันเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ต้องยอมรับว่าในบรรดาช่างแต่งหน้าที่เป็นตัวแม่ของเขาก็ยังต้องยกให้เป็นตัวแม่ ถ้าเราไปเจอระดับตำนานที่ติด Top 5 ของโลกอย่าง ทอม เปโชซ์ (Tom Pecheux) เขาดังระดับโลกตั้งแต่เรายังเป็นเด็ก คนนี้ก็เรียกว่าเป็นไอดอลของเราได้เลย
อาชีพนี้แทบไม่มีวันหยุด
ทุกวันนี้ก็เรียกว่าไม่มีวันหยุด แต่จริงๆ แล้วงานแต่งหน้ามันไม่ต้องมีวันหยุดก็ได้ สำหรับตัวเรา มันเหมือนเป็นความสุขทุกวัน อยากให้คนที่มีอาชีพช่างแต่งหน้า ทำงานแล้วมีความสุข อย่าคิดว่ามันเหนื่อย แม้บางทีเราเห็นคนที่หน้าตาธรรมดา อยากให้เราแต่งหน้าให้เขา พอเราทำได้ มันจะส่งความสุขกลับมาให้เราได้มากมายเลย
จำได้ว่าเคยไปแต่งหน้าเจ้าสาวคนหนึ่ง พอไปถึงโรงแรมที่นัดหมายก็เห็นแล้วล่ะว่ามันก็ไม่ใช่โรงแรมใหญ่โตอะไร แล้วชุดเจ้าสาวกับเครื่องประดับก็ไม่ได้เป็นอะไรที่แพงมาก แต่ครั้งนี้เขาเก็บเงินมาแต่งหน้ากับเรา เราก็แปลกใจว่าตลอดเวลาที่แต่งหน้าให้เขา เขาเหมือนอายๆ ดูไม่มั่นใจ และพยายามจะก้มหน้าตลอดเวลา เขาก็พูดตลอดว่า พี่ หนูไม่ใช่คนสวยนะคะ หนูไม่มั่นใจเลย แต่พอเราแต่งหน้าให้เสร็จแล้ว พอเขาเงยหน้าขึ้นมาดูตัวเองในกระจกก็แทบจะร้องไห้ออกมา แล้วบอกกับเราว่า พี่ หนูไม่คิดว่ามันจะออกมาสวยขนาดนี้ การที่หนูจ้างช่างแพงมันแตกต่างกันจริงๆ
ตอนที่เจอกับเจ้าบ่าว เขาก็พูดกับเราว่า ช่วยแฟนผมหน่อยนะพี่ ถึงแม้ว่าเขาจะธรรมดา แต่ผมก็รักแฟนผม ผมอยากให้เขาได้แต่งหน้ากับพี่สักครั้งในวันแต่งงาน แล้วเจ้าสาวก็จะร้องไห้ เราต้องรีบบอกว่าอย่าเพิ่งร้องไห้นะ ไม่งั้นพี่จะงานเข้า ต้องแต่งใหม่ (หัวเราะ) ภาพวันนั้นคือเจ้าสาวกับเจ้าบ่าวเขายืนกอดกันอย่างมีความสุข เรารู้ได้เลยในตอนนั้นว่านี่แหละคือจุดสูงสุดของช่างแต่งหน้า คือต้องทำให้ได้อย่างนี้ ถ้ามีคนถามว่าจุดสูงที่สุดของช่างแต่งหน้าคืออะไร มันไม่ใช่ชื่อเสียงหรือเงินทองที่ได้มา ไม่ใช่คำชมจากปากใครๆ ว่าเราคือคนที่แต่งหน้าเก่ง แต่มันคือสิ่งนี้ต่างหากที่เราทำอยู่ คือการแต่งหน้าคนธรรมดาให้สวยที่สุด
เทรนด์แต่งหน้าเป็นสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยน
เทรนด์มันไม่ค่อยเปลี่ยนหรอก อย่าง natural look ก็เป็นอะไรที่แต่งได้ทุกยุคสมัย คำว่า natural ไม่ได้หมายความว่าไม่แต่งหน้า แต่มันคือการแต่งหน้าที่เข้มก็ได้ แต่แค่ใช้โทนสีที่ดูเป็นธรรมชาติก็ถือว่าเป็น natural look แล้ว คือยังไงก็ทันสมัย แต่สิ่งที่แตกต่างจากสมัยก่อนคือสมัยนี้มันมีเครื่องสำอางที่สร้างความอะเมซิงเยอะมาก เหมือนเล่นกลได้ สมัยก่อนมันต้องใช้ระบบแมนวล ต้องใช้ฝีมือจริงๆ แต่เดี๋ยวนี้มันมีผลิตภัณฑ์ที่แค่ทาลงไปก็สวยแล้ว เพราะวิวัฒนาการของเครื่องสำอางมันพัฒนาขึ้นในทุกรูปแบบ สีที่เราไม่เคยคิดว่ามันจะมาอยู่ใบหน้าของคนได้ มันก็มีมาแล้ว
“ช่างแต่งหน้าไม่จำเป็นว่าต้องแต่งหน้าให้กับเฉพาะดารา
เซเลบริตี้ เพราะเราก็มาจากจุดที่เราแต่งหน้าใครก็ได้”
ความท้าทายใหม่ที่ยังไม่ได้ลอง
มีอย่างหนึ่งที่ท้าทายและอยากทำมาก นั่นคือการไปปรับลุควงหมอลำ มีวงปฐมบันเทิงศิลป์ติดต่อมา อยากให้เราไปปรับลุคและสอนแดนเซอร์แต่งหน้าใหม่ โดยยกระดับให้ทันสมัยมากขึ้น เขาติดต่อมาสองปีแล้ว แต่ยังไม่ลงตัวเรื่องเวลา เพราะถ้าไป เราต้องลงพื้นที่และใช้เวลา เป็นอะไรที่เราไม่เคยทำและอยากทำ เพราะมันตรงกับความตั้งใจของเราว่า ช่างแต่งหน้าไม่จำเป็นว่าต้องแต่งหน้าให้กับเฉพาะดารา เซเลบริตี้ เพราะเราก็มาจากจุดที่เราแต่งหน้าใครก็ได้
เปลี่ยนประสบการณ์เป็นพ็อกเก็ตบุ๊ก
พ็อกเก็ตบุ๊กเป็นสิ่งที่เราคิดจะทำอยู่แล้ว เนื่องจากเราเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยเรียนแต่งหน้าที่ไหนเลย พอนึกย้อนไปถึงจุดนั้นแล้วก็อยากถ่ายทอดให้กับคนที่อาจจะเป็นเหมือนเรา ไม่ได้มีสตางค์ไปเรียนแต่งหน้า แต่อยากเรียนแต่งหน้า หรืออยากได้วิชาแต่งหน้า จุดเด่นของหนังสือเล่มนี้คือครอบคลุมการแต่งหน้าทุกลุคตั้งแต่เบสิก ลุคประจำวัน และระดับแอดวานซ์แบบมืออาชีพ
Pom Vinij Studio
Pom Vinij Studio เกิดจากการที่มีคนพูดถึงการเขียนคิ้วของเราเยอะ ซึ่งมันก็จะมีเทคนิคที่เป็นหัวใจสำคัญอยู่ไม่กี่อย่าง ก็คือการคงคิ้วให้สวยตามเอกลักษณ์รูปหน้าของแต่ละคน เป็นการเก็บขนคิ้วเดิมของเขาให้มีโครงเดิมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งมีคนอยากให้เราเขียนคิ้วให้เยอะมาก แต่ก็ไม่สามารถจะไปเขียนคิ้วให้ได้หมดทุกคน ก็เลยเปิดสตูดิโอสำหรับกันคิ้ว แว็กซ์คิ้วขึ้นที่ร้าน eveandboy สาขาสยามสแควร์ วัน โดยมีลูกศิษย์ 5 คนที่เป็นลูกหม้อ ซึ่งได้รับการเทรนอย่างเข้มข้นจากเรา ใครอยากมีคิ้วสวยสไตล์ป้อม วินิจ ก็มาที่นี่ได้เลย นอกจากนี้ก็จะมีแบรนด์ของตัวเองในร้าน eveandboy ด้วย เช่น ขนตา, กาวติดขนตา, กระเป๋าแต่งหน้า และแปรงแต่งหน้า รวมถึงผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผิวกาย เช่น สบู่ โลชั่น
- The Magic of Makeup Pom Vinij จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์อมรินทร์ ราคาเล่มละ 395 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือทั่วไป และที่ Pom Vinij Studio
- ส่วนเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ ปี 2017 ที่เพิ่งผ่านมาสดๆ ร้อนๆ ระหว่างวันที่ 17-28 พฤษภาคม ป้อม วินิจ ได้ร่วมเดินทางไปกับชมพู่ อารยา อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นทีมงานเมกอัพอินเตอร์จาก L’oreal Paris ที่มาเนรมิตลุคสวยในการเดินพรมแดงทั้งหมด ส่วนป้อม วินิจ เป็นช่างแต่งหน้ารู้ใจที่คอยดูแลความเรียบร้อย เก็บรายละเอียดให้กับทุกลุคของชมพู่จนออกมาเพอร์เฟกต์และโดดเด่นอย่างที่เห็น