หากถามคนไทยถึงอาหารที่ชอบรับประทาน เราเชื่อว่าอาหารญี่ปุ่นน่าจะเป็นตัวเลือกในใจอันดับต้นๆ ดังสะท้อนให้เห็นจากร้านอาหารญี่ปุ่นหลายพันแห่งที่เปิดทั่วประเทศ แต่จะหาร้านโดดเด่นก็มีอยู่ไม่มาก และมักจะเป็นร้านญี่ปุ่นแบบต้นตำรับที่มีความเป็นญี่ปุ่นจ๋าทั้งอาหารและการแต่งร้าน โชคดีที่มี Tenshino ร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดใหม่ที่เสิร์ฟอาหารกลิ่นอายญี่ปุ่น แต่กลับให้บรรยากาศที่แตกต่างออกไป
The Vibe
จากล็อบบี้โรงแรม กดลิฟต์ไปที่ชั้น 2 ก็จะพบกับ Tenshino ร้านญี่ปุ่นที่มาในธีมโบฮีเมียนผสมผสานการตกแต่งระหว่างญี่ปุ่นในยุคไทโช (Taisho) ซึ่งมีร้านอาหารตะวันตกเริ่มเข้าไปเปิดในญี่ปุ่น ทำให้มีของตกแต่งและภาพวาดทั้งแบบญี่ปุ่นและฝรั่งเศสผสมกัน โทนสีฉูดฉาดของผนังตัดกับเฟอร์นิเจอร์สไตล์วินเทจที่กระจายตามมุมต่างๆ ภายในร้าน อีกทั้งมีบาร์ให้นั่งดริงก์ก่อนดินเนอร์อีกด้วย
มุมโปรดของหลายคน
แต่งในโทนสีเขียว-แดง
โต๊ะยาวที่สามารถแบ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวสำหรับกรุ๊ปใหญ่
The Dishes
อาหารที่ Tenshino เกิดจากประสบการณ์ของเชฟโยเฮอิ โอคิตะ (Yohei Okita) ที่สั่งสมมาหลายสิบปีจากการเดินทางและการเป็นเชฟที่ประเทศญี่ปุ่น ออสเตรเลีย แคนาดา และไทย ชีวิตวัยเยาว์ที่คลุกคลีกับเรื่องในครัว และความที่บ้านใกล้ตลาดปลาซึกิจิ ทำให้เชฟหยิบจับวัตถุดิบและเครื่องปรุงทั้งของญี่ปุ่นและโซนยุโรปมาผสมผสานและครีเอตเป็นเมนูที่ยังคงยืนพื้นเป็นอาหารญี่ปุ่น แต่มีกลิ่นอายฝรั่งเศส จนเกิดเป็นอาหารญี่ปุ่นสไตล์อินโนเวทีฟที่เข้าถึงง่ายและเป็นสมดุลระหว่างความเป็นญี่ปุ่นกับตะวันตก
การเรียงลำดับอาหารที่นี่ไม่จำเป็นต้องกินของเย็นแล้วตามด้วยร้อน หรือร้อนแล้วค่อยมาเย็น เริ่มต้นด้วยของเบาๆ กันก่อน เชฟโอคิตะส่งชามซุปที่มีอะไรบางอย่าง 3 ชิ้นแช่อยู่ ชามนี้คือ Daikon Crab Cake (290 บาท) 3 ชิ้นในชามเป็นโมจิหัวไชเท้าสัมผัสเหนียวหนึบที่ผสมเนื้อปูเข้าไปด้วย เสิร์ฟในน้ำซุปดาชิที่ได้จากการเคี่ยวกระดูกปลา ให้รสเค็มๆ ความอูมามิจากซุปช่วยเพิ่มรสชาติให้โมจิอร่อยยิ่งขึ้น ส่วนโมจิก็ช่วยให้ซุปชามนี้มีเท็กซ์เจอร์บันเทิงลิ้น
Daikon Crab Cake
ต่อด้วย Tempura Oyster (490 บาท) ที่นี่ใช้หอยนางรมสดจากสายพันธ์ุเมอร์ซิเออร์ ฌอง ปอล จากประเทศฝรั่งเศส มาคลุกเคล้าแป้งเทมปุระที่ทอดจนได้ระดับแป้งที่บางกำลังดี กัดไปยังได้ลิ้มรสความหวานของตัวหอยนางรมด้านใน สามารถกินเดี่ยวๆ หรือจิ้มผงกะหรี่เพื่อเพิ่มรสชาติให้น่าสนใจยิ่งขึ้น
Tempura Oyster
อีกหนึ่งเมนูสำหรับเรียกน้ำย่อยเสิร์ฟมาในเข่งติ่มซำ แต่วัตถุดิบกลับมาจากญี่ปุ่น Squid & Uni Dumplings (820 บาท) เชฟใช้วัตถุดิบหลักอย่างไข่หอยเม่นมาทำติ่มซำ จัดเต็มไข่หอยเม่นแบบสุดๆ ทั้งไส้ในและท็อปด้านบน เพิ่มความละมุนลิ้นด้วยเครื่องปรุงเพิ่มเติมอย่างเหล้าสาเก ขิง และหอมใหญ่ ระวังดีให้ดี เมนูนี้แค่เข่งเดียวอาจไม่พอ
Squid & Uni Dumplings
ขยับมาที่จานหลัก มาถึงร้านอาหารญี่ปุ่นแล้วไม่กินปลาดิบก็กระไรอยู่ แถมบ้านเชฟยังอยู่ใกล้ตลาดปลาซึกิจิระยะเดินแค่ 10 นาที เชฟจึงคุ้นเคยกับปลาหลายชนิดและซีฟู้ดแทบทุกประเภท หยิบจับอะไรก็ดูเข้าท่าไปหมด คนรักปลาดิบคงต้องสั่ง Sushi of the Day (1,240 บาท) ข้าวปั้น 5 คำที่นำเสนอวัตถุดิบสดใหม่ส่งตรงจากตลาดปลาซึกิจิทุกสัปดาห์และสัปดาห์ละหลายครั้ง กุ้งหอยปูปลาที่นำมาท็อปข้าวอาจเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล เช่น โอโทโรทูน่าครีบดำรสชาติมัน ฮามาจิท็อปด้วยไข่หอยเม่น หอยเชลล์ฮอกไกโดเบิร์นไฟเล็กน้อย กุ้งโบตั๋นฮอกไกโด และอะคามิทูน่าเนื้อเน้นๆ
Sushi of the Day
นอกจากปลาทูน่าจะถูกใช้ในการทำซูชิหรือซาชิมิแล้ว เชฟโอคิตะได้นำอะคามิทูน่าครีบน้ำเงิน ส่วนที่เต็มไปด้วยเนื้อแน่นๆ มาทำเป็นเซวิเช่ Tuna Ceviche (690 บาท) ซึ่งเป็นชื่อเรียกอาหารทะเลดิบที่ผ่านการหมักหรือปรุงในน้ำผลไม้รสเปรี้ยว ซึ่งเชฟเลือกใช้ยูซุคั้นน้ำแล้วคลุกเคล้ากับปลา ท็อปด้วยเจลลี่สาเกและไข่ปลาแซลมอน ครบรสทั้งเปรี้ยว หวาน เค็มในจานเดียว
Tuna Ceviche
ต่อด้วย Wagyu Beef Suki (1,870 บาท) หรือสุกี้เนื้อวากิวที่ใช้เนื้อวากิวลายหินอ่อนจากคาโกชิม่า น้ำซุปสาเกหอมกรุ่นถูกยกมาพร้อมไข่และผักญี่ปุ่นที่ทำสุกมาแล้ว เมื่อสั่งพนักงานจะยกเนื้อมาพร้อมหม้อร้อนปรุงให้เห็นกันตรงนั้นเพื่อให้คุณได้สัมผัสกับรสชาติเนื้อที่สุกกำลังดี ไม่สุกเกินจนเนื้อแข็งกระด้าง เลือกได้ว่าจะคลุกกับไข่ไก่เพื่อรสที่นวลเนียนยิ่งขึ้น หรือคีบเข้าปากเลยเพื่อให้ได้รสชาติเนื้อเต็มๆ จานนี้แทบไม่ต้องเรียกหาซอสจิ้มเพิ่มเติม เพราะน้ำสุกี้เข้มข้นได้ทำหน้าที่นั้นแล้ว
Wagyu Beef Suki
อาหารจานเคียงเราอยากให้ลอง Black Truffle Cold Soba (300 บาท) โซบะทำเองที่ใช้แป้งจากญี่ปุ่นนวดและดึงเป็นเส้นโซบะ เสิร์ฟในซุปเย็น ฝานเห็ดทรัฟเฟิลเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม
Black Truffle Cold Soba
The Desserts
ล้างปากด้วยของหวานรสชาติเยี่ยมที่ใช้เกาลัดเป็นส่วนผสมหลักอย่าง Chestnut Flan with Raspberry Sauce (290 บาท) แฟลนเกาลัดรสชาติคล้ายคัสตาร์ด แต่มีความหนืดและเข้มข้นกว่า แถมยังมีเนื้อเกาลัดผสมอยู่ด้วย รสชาติค่อนข้างหวาน ราดซอสราสป์เบอร์รีเปรี้ยวๆ จะช่วยตัดรสได้ดี
Chestnut Flan ราดซอสราสป์เบอร์รี
หรือ Azuki-Matcha Mochi (250 บาท) ขนมโมจิผสมชาโคลไส้ถั่วแดงนุ่มเหนียว ปั้นมาในขนาดพอดีคำ แป้งไม่หนาจนเกินไป ไส้ถั่วแดงด้านในมีรสหวานกำลังดี ไม่หวานแหลม เมื่อตักกินพร้อมซอสชาเขียวเข้มข้นจึงเป็นความลงตัวอย่างที่สุด แต่หากอยากเพิ่มความหวาน ลองราดด้วยซอสเล็กน้อยเสริมได้ตามใจชอบ
Azuki-Matcha Mochi
The Drinks
อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นว่าร้านอาหารแห่งนี้มีบาร์ดักรอแขกอยู่ด้านหน้า และเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศร้านที่เน้นอาหารญี่ปุ่นผสมสาน เมนูเครื่องดื่มของที่นี่จึงเน้นหนักไปทางเครื่องดื่มสัญชาติญี่ปุ่นอย่างสาเกที่มีตัวเด็ดวางจำหน่ายทั้งแบบขวดและแก้ว เช่น Dassai Junmai Daiginjo Migaki Niwari Sanbu 23 (ขวดละ 8,000 บาท หรือ 1,600 บาทต่อแก้ว) ราคาสาเกต่อแก้วเริ่มต้นที่ 200 บาท ในขณะที่ราคาสาเกต่อขวดเริ่มต้นที่ 2,000-15,000 บาท
สาเกเสิร์ฟมาในแก้วทรงสูงแปลกตา
ส่วนคอค็อกเทลน่าจะถูกใจค็อกเทลที่ใช้เบสเป็นสาเกและ Crème de Cassis เหยาะน้ำมะนาวอย่าง Sakir (400 บาท) ที่ดื่มง่าย ไม่แรง หรือ Sakura Gimlet (450 บาท) ใช้เบสเป็นจินผสมกับ Lime Cordial หรือน้ำเชื่อมรสมะนาวที่นำไปอินฟิวส์กับใบชิโอะ มอบรสเปรี้ยวอมหวาน แต่แรงอยู่ในที
(ซ้าย) Sakir (ขวา) Sakura Gimlet
What You Should Know:
- เซวิเช่ (Ceviche) มีจุดกำเนิดในภูมิภาคลาตินอเมริกา มีลักษณะเป็นอาหารทะเลดิบหมักในผลไม้รสเปรี้ยวตระกูลซิตรัส นิยมเสิร์ฟเย็นเป็นหลัก
- แฟลน (Flan) เป็นชื่อเรียกของหวานหรือเพสทรีทั้งแบบคาวและหวานที่มีลักษณะเปิดหน้า คีช ทาร์ต คัสตาร์ด หรือพุดดิ้ง ล้วนแต่จัดอยู่ในหมวดแฟลนเช่นกัน
- จริงๆ แล้วปลาทูน่ามีหลายส่วน แต่ 3 ส่วนหลักที่นิยมกันอย่างแพร่หลายคือ Akami หรือเนื้อแดง Chutoro หรือเนื้อมันช่วงกลางลำตัวปลา และ Otoro เนื้อมันส่วนท้อง ซึ่งมีความมันที่สุดและถูกใจผู้คนมากที่สุด
- Tenshino ชื่อนี้ไม่มีความหมาย เป็นเพียงแค่เสียงหนึ่งในภาษาญี่ปุ่น
Tenshino
Open: เปิดบริการทุกวัน เวลา 18.00-23.00 น.
Address: ชั้น 2 Pullman Bangkok King Power
Budget: 1,000-3,500 บาท
Contact: 0 2680 9999
Page: www.facebook.com/tenshinobangkok
Map:
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์