คุณลุงมาซาโอะ กุนจิ (Masao Gunji) อดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจชาวญี่ปุ่น วัย 67 ปี ทำลายสถิติเพื่อนร่วมชาติ ได้รับการจดบันทึกจากกินเนสส์เวิลด์เร็กคอร์ดส์ (Guinness World Records) ว่าเป็น ‘นักสะสมที่มีคอลเล็กชันคิตตี้มากที่สุดในโลก’ คนล่าสุด
บ้านสีชมพูหวานแหววของคุณลุงที่ออกแบบมาให้คล้ายกับบ้านของคิตตี้ให้มากที่สุดถูกประดับตกแต่งด้วยสิ่งของเครื่องใช้ลวดลาย Hello Kitty ตั้งแต่โต๊ะกินข้าว เเก้วน้ำ กรอบรูป และสินค้าอื่นๆ กว่า 5,000 ชิ้น สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ผู้พบเห็น โดยเฉพาะเด็กๆในละเเวกนั้น รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อดไม่ได้ที่จะนำกล้องขึ้นมาถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก
นับเป็นสถานที่ยอดนิยมแห่งใหม่ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากต่างพากันมาเยือนบ้านหลังนี้ ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองโยสึไกโดะ ในจังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น
Hello Kitty เปิดตัวครั้งแรกในปี 1974 ผลงานการออกแบบของยูโกะ ชิมิซึ (Yuko Shimizu) ภายใต้แบรนด์ซานริโอ (Sanrio) ก่อนที่จะกลายเป็นที่รู้จักและโด่งดังไปทั่วโลก กลายเป็นหนึ่งไอเท็มสุดน่ารักของญี่ปุ่นที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศนี้ในแต่ละปี
เมื่อปี 2014 เจ้าของสินค้าภายใต้แบรนด์ซานริโอออกมาเปิดเผยว่า “แท้ที่จริงแล้ว คิตตี้ไม่ใช่เเมวอย่างที่พวกเราเข้าใจกัน แต่คิตตี้คือเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่กำลังมีความสุข (happy little girl)” สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงประเด็นดังกล่าวในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม จำนวนสมาชิกและแฟนคลับที่ตกหลุมรัก Hello Kitty ก็ไม่ได้ลดจำนวนลง แต่กลับเพิ่มมากยิ่งขึ้น
คุณลุงมาซาโอะกล่าวว่า “ผมเคยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบต่างๆ อย่างเคร่งครัด ผมรู้สึกผ่อนคลายทุกครั้งเมื่อมองไปยังดวงตาและหน้าของคิตตี้ นั่นคือแหล่งพลังงานชั้นดีของผม” นี่เป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่ทำให้คุณลุงเริ่มเก็บสะสมคอลเล็กชันของตัวการ์ตูนตัวนี้
คุณลุงเผยว่า “ผมใช้เงินราว 20 ล้านเยน ซื้อของสะสมและใช้เงินอีกราว 10 ล้านเยน ในการสร้างบ้านหลังนี้ รวมแล้วผมใช้เงินไปทั้งหมด 30 ล้านเยน หรือราว 8,500,000 บาท นี่คือเงินบำนาญหลังเกษียณอายุราชการทั้งหมด แต่ผมไม่เสียใจเลย” และปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “คิตตี้เป็นเหมือนกับความรักในชีวิตของผม และผมหลงรักคิตตี้”
ทางด้านคุณป้าโยชิโกะ (Yoshiko Gunji) ภรรยาของคุณลุงได้ให้การสนับสนุนในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เพราะสิ่งที่คุณลุงทำ “มันคือความฝันของผู้ชายที่ป้ารัก ป้าไม่เคยสนใจเลยว่าเขาจะทุ่มเงินให้กับการสะสมคิตตี้มากน้อยแค่ไหน ทุกคนในโลกนี้ล้วนแต่อยากได้รับการจดจำ และคิตตี้ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เขามีชีวิตอยู่เพื่อมัน”
คุณลุงมาซาโอะคือตัวอย่างของคนที่กล้าลงมือทำตามความฝันของตัวเอง และคุณลุงก็โชคดีที่มีคนที่เขารักคอยให้การสนับสนุนในสิ่งที่เขาต้องการ
ในวันนี้ความฝันและงานอดิเรกของคุณลุงไม่เพียงแต่กำลังสร้างความสุขและคุณค่าทางจิตใจให้แก่คุณลุงเท่านั้น แต่ยังสร้างรายได้ให้แก่พื้นที่โดยรอบ เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนที่เมืองเเห่งนี้อีกด้วย
อ้างอิง: