นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤต เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในภาพรวมของประเทศขณะนี้ว่า จากการคาดการณ์แนวโน้มฝนในวันนี้ (7 ก.ย.) ต่อเนื่องไปถึงวันที่ 10 กันยายน 2561 จะมีฝนเพิ่มมากขึ้น โดยจะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในระยะแรก กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ทั้งนี้เนื่องจากความกดอากาศสูงจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ทำให้ร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง
ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับปริมาณฝนสะสม 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีฝนตกปานกลางถึงหนักในภาคตะวันออก จังหวัดจันทบุรี 55.5 มม. ภาคกลาง กรุงเทพมหานคร 42 มม. ส่วนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้ มีฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลาง
ทั้งนี้โดยเบื้องต้นในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ได้วางแผนปรับลดการระบายน้ำในอ่างฯ ทุกขนาด ตามการคาดการณ์ปริมาณน้ำฝนที่มีแนวโน้มลดลงในเดือนกันยายนถึงตุลาคม 2561 เพื่อเก็บกักน้ำให้พอเพียงในฤดูแล้ง โดยอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำน้อยกว่า 60% ของความจุ ต้องวางแผนเก็บกักน้ำและเติมน้ำโดยประสานกับกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ขณะที่พื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างให้ติดตามการพยากรณ์อากาศในช่วงเดือนกันยายนนี้ เพื่อวางแผนปรับการระบายน้ำในแม่น้ำสายหลัก
ส่วนในพื้นที่ภาคตะวันตก ใน 4 เขื่อนขนาดใหญ่ ได้แก่ เขื่อนศรีนครินทร์, เขื่อนวชิราลงกรณ, เขื่อนแก่งกระจาน และเขื่อนปราณบุรี ยังคงต้องเร่งการพร่องน้ำ ตามการคาดการณ์ฝนที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และรองรับฝนตามฤดูกาลในปลายเดือนกันยายนถึงตุลาคม 2561 โดยต้องไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำ หรือหากมีต้องเกิดขึ้นให้น้อยที่สุด
สำหรับพื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงน้ำท่วมปัจจุบัน ได้แก่ ลำน้ำก่ำ ลำน้ำสงคราม ลำน้ำอูน แม่น้ำแควน้อย แม่น้ำแควใหญ่ แม่น้ำปราจีนบุรี บริเวณอำเภอศรีมหาโพธิ อำเภอเมืองปราจีนบุรี อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี แม่น้ำนครนายก จังหวัดนครนายก และแม่น้ำเข็ก จังหวัดพิษณุโลก
ขณะที่สถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันเขื่อนเจ้าพระยาได้ลดการระบายน้ำลงให้สอดคล้องกับการลดการระบายน้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์
ทั้งนี้กรมชลประทานจะควบคุมอัตราการระบายให้อยู่ที่ 650 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ปัจจุบันอัตราการระบายอยู่ที่ 771 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้พื้นที่ท้ายน้ำได้รับผลกระทบน้อยลงด้วย
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า