ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย นั่งนิ่งไม่พูดกับใครอยู่ 5 นาที หลังจากดู 2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว จบเป็นครั้งแรก เพราะภาพในหัวเขาอยากให้หนังเรื่องนี้โฟกัสที่เรื่องราวและบรรยากาศรายทางที่เกิดขึ้นในโครงการ ‘ก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ’ แต่ภาพที่เห็นตลอด 1 ชั่วโมงครึ่ง กลายเป็นว่าเขาถูก ‘เปลือย’ ทั้งเสื้อผ้า ร่างกายและจิตใจออกมาให้ได้เห็นกันแบบเต็มๆ
สุดท้ายตูนก็ยอมปล่อยให้หนังเป็นไปตามที่ผู้กำกับอย่าง ไก่-ณฐพล บุญประกอบ คิดเอาไว้ว่าดีที่สุด โดยไม่บอกให้แก้แม้แต่จุดเดียว ทั้งที่ในฐานะเจ้าของโปรเจกต์ เขามีสิทธิขาดที่จะทำแบบนั้น
ไม่แน่ใจว่าจนถึงตอนนี้ ในหัวของเขามั่นใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมากแค่ไหน แต่หลังจากดูหนังจบ เราเป็นอีกหนึ่งเสียงที่ช่วยยืนยันได้ว่าทั้งตูนและไก่ตัดสินใจได้ถูกต้องแล้วจริงๆ
ในฐานะสื่อฯ ที่ต้องติดตามความเคลื่อนไหวของตูนและทีมงานผ่านการถ่ายทอดสดตลอดเวลา 55 วัน ทำให้หลายเหตุการณ์ในหนังไม่ได้เซอร์ไพรส์เราเท่าไรนัก เรารู้อยู่แล้วว่าเขาทำโครงการนี้เพื่ออะไร เราเริ่มต้นวิ่งเมื่อไร ระหว่างทางเขาเจ็บกี่ครั้ง ลงไปนั่งกับพื้นกี่หน มีคนรักและคอยให้กำลังใจเขามากแค่ไหน ไปจนถึงความรู้สึกเป็นห่วงปนหงุดหงิดในบางครั้ง ที่เห็นเขาฝืนร่างกายตัวเองทำในสิ่งที่ทีมแพทย์ห้าม ทั้งการกระโดด เต้นสายย่อ การวิ่งไปหยุดไปเพื่อรับของ การก้มลงเซลฟีกับเด็กตัวเล็ก ก้มลงไปรับเงินและไหว้ขอบคุณผู้สูงอายุแทบทุกคนที่มารอเขาอยู่ข้างทาง
หลายครั้งที่เราแอบภาวนาให้เขาละทิ้งความ ‘ดื้อ’ และยุติโปรเจกต์นี้ลง เราเชื่อว่าต่อให้โครงการนี้ไม่สำเร็จ ก็ไม่มีใครกล้าต่อว่าเขา กระทั่งวันที่นัดสัมภาษณ์กันอีกครั้งช่วงที่วิ่งมาถึงกรุงเทพฯ เราได้บอกความในใจนี้ให้เขาฟัง และตูนก็ยังคงเป็นตูน เขาเพียงยิ้มรับ หัวเราะในลำคอ และไม่ได้พูดกล่าวคำพูดใดๆ ออกมา
ปล่อยให้ทุกๆ การกระทำ ทุกๆ การตัดสินใจที่ทีมงานภาพยนตร์เก็บเอาไว้ เป็นคำตอบให้รู้ว่า ตูนพร้อมที่จะทำทุกอย่างให้ถึงที่สุด แต่เป็นตัวเราเองต่างหากที่ไม่พร้อมสนับสนุนเขาให้สุดทาง
จากจุดนี้เองที่เป็นเหตุผลว่าทำไมผู้ชายขี้เกรงใจอย่างเขา ถึงได้รักษาความ ‘ดื้อ’ เอาไว้อย่างเหนียวแน่น พร้อมกับอารมณ์ขัน คำสบถ อาการเอาแต่ใจ ความเจ็บปวด และอีกหลายมุมที่ไม่ค่อยน่ารัก ซึ่งเราไม่มีโอกาสได้เห็นผ่านกล้องถ่ายทอดสด ค่อยๆ เปิดเผยออกมา
2215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว เริ่มต้นด้วยการพาทุกคนย้อนถึงเหตุผลสำคัญนอกเหนือจากการระดมเงินบริจาคเพื่อซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ นั่นคือความโดดเดี่ยวของร็อกสตาร์ที่ต้องขึ้นไปยืนสร้างความสุขให้กับผู้คนนับหมื่นบนเวที
สำหรับหลายคนนั่นคือจุดหมายสูงสุดที่อยากขึ้นไปให้ได้สักครั้ง แต่กับคนที่ถูกกระหน่ำด้วยเสียงกรี๊ดๆ ซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้จบ ความสำเร็จได้ก่อให้เกิดช่องว่างข้างในหัวใจที่ค่อยๆ ขยายตัวขึ้น และสำหรับตูน ‘การวิ่ง’ คือสิ่งที่จะมาช่วยถมพื้นที่ตรงนี้ให้เต็มได้
แน่นอนว่าเมื่อออกมาวิ่ง ตูนยังคงได้ยินเสียงกรี๊ดจากผู้คนเหมือนเดิม แต่เราเข้าใจเองว่า เสียงกรี๊ดครั้งนี้ได้ให้พลังงานบริสุทธิ์บางอย่าง ที่ตูนสามารถนำมาใช้ขับเคลื่อนทั้งโครงการนี้ และขับเคลื่อนอีกหลายๆ โครงการที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
เราได้เห็นเด็กๆ ตะโกนร้องเพลงจนเสียงแหบให้กำลังใจเมื่อตูนวิ่งผ่านเพียงแค่ไม่กี่วินาที บางคนร้องไห้เพราะศิลปินในดวงใจมาร่วมร้องเพลงกับพวกเขา บางครั้งเขาก็เปลี่ยนเส้นทางวิ่งกะทันหันเพื่อเข้าไปหาผู้สูงอายุที่ทำได้เพียงนั่งให้กำลังใจเขาอยู่ไกลๆ จากหน้าบ้าน ทำให้คุณยายบางคนที่อาจจะไม่เคยฟังเพลงของบอดี้สแลม ยังต้องเสียน้ำตาและสารภาพออกมาว่ารักผู้ชายคนนี้สุดหัวใจ
ทุกๆ อย่างที่ตูนได้รับจากระยะทาง 2,215 กิโลเมตร เปรียบเสมือน ‘พันธสัญญา’ ที่ตูนรับรู้ได้จากกำลังใจและแรงสนับสนุนมหาศาลจากคนทั้งประเทศที่เอาใจช่วยเขาอยู่ ถึงจะไม่มีใครมากดดัน แต่เขารับรู้ได้ด้วยตัวเองว่าเขาห้ามหยุด และต้อง ‘ก้าว’ ต่อไปจนกว่าโครงการนี้จะสำเร็จ
และนำเขาเข้าสู่ลูป ‘นรก’ ที่ตูนต้องตื่นเช้า ออกไปวิ่ง คลายกล้ามเนื้อ ออกไปวิ่ง ให้น้ำเกลือ ออกไปวิ่ง กลับมานอน และตื่นออกไปวิ่งในเช้าวันใหม่ ซ้ำไปซ้ำมาตลอดระยะเวลา 55 วัน (ไม่นับวันพัก) ราวกับชีวิตของเขาไม่มีอะไรอีกแล้ว นอกจากการวิ่ง วิ่ง วิ่ง แล้วก็วิ่งเพียงอย่างเดียว
เหมือนว่าในหัวของเขามีเพียงแค่เรื่องวิ่ง จนหลายครั้งก็ลืมว่ากล้ามเนื้อของเขากำลังส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด หลายครั้งก็เผลอสร้างความลำบากใจ ไปจนถึงขึ้นเสียงกับทีมงานรอบข้างที่ดูแลเขาอย่างใกล้ชิด ซึ่งน่าจะเป็นความเจ็บปวดทางใจที่หนักหนากว่าถูกเข็มแทงหลายเท่า ถ้าเทียบกับนิสัยขี้เกรงใจที่ยังทำให้เขารู้สึกผิดมาจนถึงทุกวันนี้
อีกหนึ่งสิ่งที่เราชอบมากคือ ‘ฟุตเทจลับ’ ที่ไม่เคยได้เห็นที่ไหน เป็นอีกมุมหนึ่งที่เผยให้เห็นตัวตนอีกด้านของ ‘น้องการ์ตูน’ ที่จะเติบโตขึ้นมาเป็นร็อกสตาร์ผู้พิชิตระยะทาง 2,215 กิโลเมตร จากจุดใต้สุดถึงเหนือสุดของประเทศไทยในอนาคต
หลายครั้งเวลาเราเขียนบทความเกี่ยวกับอะไรสักอย่างที่ให้แรงบันดาลใจ แล้วมักจะลงท้ายตอนจบว่าจะกลับมาเขียนหนังสือ เล่นดนตรี เก็บเงิน และอีกหลายๆ อย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่สุดท้ายเราก็ปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงคำพูดสวยๆ ที่ไม่ได้เอามาใช้จริงๆ
ครั้งนี้คงเป็นอีกครั้งที่เราขอลงท้ายบทความว่า เราจะกลับไปปัดฝุ่นรองเท้าและออกวิ่งอีกครั้ง และจะทำให้ได้จริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่คำพูดลอยๆ อย่างเดียวอีกต่อไป
เพราะเมื่อโครงการวิ่งครั้งนี้สำเร็จ ไม่ได้หมายความว่าตูน ‘ทำได้’ เพียงคนเดียว แต่หมายความว่า ถ้าหากเขาทำได้ ทุกคนในประเทศก็สามารถ ‘ทำได้’ เหมือนกัน
Photo: GDH 559
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
- ภาพยนตร์เรื่อง 2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว จะเข้าฉายให้ชมฟรี! ในโรงภาพยนตร์ทั้งเครือเมเจอร์และเอสเอฟทั่วประเทศจำนวน 720,000 ที่นั่ง ตั้งแต่วันที่ 6-16 กันยายนนี้
- ความหวังของตูนคือเชิญชวนทุกคนที่ได้รับชมภาพยนตร์ร่วมกันบริจาคเงินเพื่อหารายได้ซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลศิริราช อาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อผู้ป่วยด้อยโอกาส และผลิตบุคลากรทางการแพทย์รุ่นใหม่ต่อไป
- สำหรับผู้ที่สนใจรับชมภาพยนตร์เรื่อง 2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว สามารถติดตามรอบฉายและเงื่อนไขการชมภาพยนตร์ รวมทั้งรายละเอียดในการร่วมบริจาคเงินได้ที่เฟซบุ๊กเพจก้าว @kaokonlakao และเฟซบุ๊กเพจ GDH @gdh559