วันนี้ (27 ธันวาคม) บรรยากาศการรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง กรุงเทพมหานคร เป็นไปอย่างเข้มข้น โดย พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเศรษฐกิจ ได้นำคณะผู้สมัคร สส. กทม. เดินทางมาลงสมัครรับเลือกตั้งครบทั้ง 33 เขต
พล.อ.รังษี กล่าวแสดงความมั่นใจว่า ในสนามเลือกตั้งวันนี้ขนาดของพรรคไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่อยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน หากพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพฯ ให้ความไว้วางใจเลือกผู้สมัครของพรรคทั้ง 33 เขต จะถือเป็นการมอบฉันทานุมัติ ที่สำคัญให้พรรคเข้าไปบริหารประเทศ
สำหรับแนวนโยบายหลัก พล.อ.รังษี ระบุว่า พรรคมุ่งเน้นการแก้ไข 3 วิกฤตการณ์ใหญ่ที่ประเทศกำลังเผชิญ ได้แก่ 1. วิกฤตเศรษฐกิจ 2. วิกฤตการทุจริตคอร์รัปชันและการฉ้อราษฎร์บังหลวง และ 3. วิกฤตความมั่นคง โดยเฉพาะประเด็นข้อพิพาทกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา
ในประเด็นด้านความมั่นคง พล.อ.รังษี ได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่า หากพรรคเศรษฐกิจได้เป็นรัฐบาลและผมได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะดำเนินปฏิบัติการทางการทูตเชิงรุก ไม่ยอมให้กัมพูชาบิดเบือนข้อเท็จจริงในเวทีโลก ควบคู่ไปกับปฏิบัติการทางการทหารเชิงรุกตามแนวทางของกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ โดยมีเป้าหมายสุดท้ายคือการเจรจา เพราะการมีความได้เปรียบในสนามรบ ย่อมหมายถึงการมีความได้เปรียบบนโต๊ะเจรจาด้วย
นอกจากนี้ ต่อประเด็นนโยบายการปฏิรูปกองทัพ พล.อ.รังษี ชี้แจงว่า พรรคมีแนวคิดที่จะปฏิรูปกองทัพอยู่แล้ว แต่ต้องดำเนินการด้วยความเข้าใจว่ากองทัพคือองค์กรติดอาวุธที่มีหน้าที่รักษาอธิปไตยและป้องกันภัยคุกคาม เนื่องจากไทยมีความขัดแย้งด้านพรมแดนกับเพื่อนบ้านมาตั้งแต่อดีต ดังนั้น การปฏิรูปกองทัพจึงไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องคำนึงถึงบริบทของภัยคุกคามอย่างรอบคอบ เพราะหากตัดสินใจผิดพลาดอาจส่งผลร้ายแรงถึงขั้นสูญเสียอธิปไตยของชาติ
ในช่วงท้าย พล.อ.รังษี ย้ำว่า พรรคเศรษฐกิจมีความพร้อมสูงสุดทั้งในด้านตัวบุคคลและนโยบาย หากคนกรุงเทพฯ เชื่อมั่นว่าพรรคจะสามารถนำพาประเทศให้รอดพ้นจากวิกฤตได้ พรรคเศรษฐกิจขออาสาเป็นตัวแทนเข้ามาบริหารบ้านเมืองเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนและประเทศชาติ




