น่านฟ้าของสหรัฐอเมริกาที่เคยถูกครอบครองโดยโดรนสัญชาติจีนมานานหลายปี ทั้งในกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป กรมตำรวจ และนักดับเพลิง กำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อคณะกรรมาธิการการสื่อสารของรัฐบาลกลาง (FCC) ได้ออกกฎใหม่เมื่อวันอังคาร (23 ธ.ค.) ที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ ไม่สามารถหาซื้อโดรนรุ่นใหม่จากจีนได้อีกต่อไป
FCC ได้สั่งห้ามการนำเข้าและจำหน่ายโดรนรุ่นใหม่ทั้งหมด รวมถึงอุปกรณ์สำคัญที่ผลิตโดยผู้ผลิตจากต่างประเทศ โดยเฉพาะ DJI ผู้ผลิตโดรนรายใหญ่ที่สุดของโลก และ Autel Robotics โดยการเพิ่มชื่อบริษัทเหล่านี้เข้าไปใน ‘Covered List’ ซึ่งเป็นบัญชีรายชื่อขององค์กรที่ถูกระบุว่า “ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่ยอมรับไม่ได้ต่อความมั่นคงของชาติสหรัฐฯ”
การตัดสินใจครั้งนี้ แม้จะยังยกเว้นโมเดลที่ได้รับอนุมัติให้ขายไปก่อนหน้านี้และโดรนที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน แต่ก็นับเป็นจุดสูงสุดของความพยายามตลอดหลายปีที่ผ่านมาในการปราบปรามโดรนจีน โดยอ้างอิงข้อมูลจาก คณะทำงานร่วมระหว่างหน่วยงานที่นำโดยทำเนียบขาว ที่สรุปว่า โดรนและชิ้นส่วนจากต่างประเทศอาจเอื้อให้เกิดการสอดแนมและการขโมยข้อมูล
Brendan Carr ประธาน FCC กล่าวผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า “ประธานาธิบดี Trump แสดงจุดยืนชัดเจนว่ารัฐบาลของเขาจะดำเนินการเพื่อรักษาความปลอดภัยเหนือน่านฟ้าของเรา และปลดปล่อยความโดดเด่นของโดรนอเมริกัน” พร้อมย้ำว่าการกระทำนี้จะไม่กระทบต่อการใช้งานโดรนที่ได้รับอนุญาตไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังคงสามารถใช้โดรนที่ซื้อมาอย่างถูกกฎหมายก่อนหน้านี้ได้ต่อไป และร้านค้ายังสามารถจำหน่ายสต็อกสินค้าเก่าที่มีอยู่ได้ แต่จะไม่สามารถนำเข้าหรือทำการตลาดสำหรับสินค้ารุ่นใหม่จากผู้ผลิตเหล่านี้ได้อีก ซึ่งสร้างความสั่นสะเทือนให้กับตลาดอย่างมาก เนื่องจาก DJI เพียงรายเดียวก็ครองส่วนแบ่งตลาดโลกไปแล้วถึง 70%
ทางด้าน DJI ได้แสดงความผิดหวังต่อคำตัดสินดังกล่าว โดยระบุว่าไม่มีการเปิดเผยข้อมูลใดๆ ว่าฝ่ายบริหารใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจ พร้อมยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ของตนมีความปลอดภัยและผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานอิสระ โฆษกของบริษัทกล่าวว่า “ความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูล DJI ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของหลักฐาน แต่สะท้อนถึงการกีดกันทางการค้า ซึ่งขัดต่อหลักการของตลาดเสรี”
Lin Jian โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้ออกมาตอบโต้ว่าการขึ้นบัญชีของ FCC นั้นเป็นการเลือกปฏิบัติ และปักกิ่งคัดค้านการที่วอชิงตันนำเรื่องความมั่นคงของชาติมาอ้างแบบเหมารวม โดยระบุว่า “สหรัฐฯ ควรแก้ไขแนวปฏิบัติที่ผิดพลาด และจัดเตรียมสภาพแวดล้อมที่ยุติธรรม เป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติสำหรับบริษัทจีนในการดำเนินงาน”
ผลกระทบจากการแบนครั้งนี้ทำให้เกิดความโกลาหลในหมู่นักบินโดรนเชิงพาณิชย์เกือบครึ่งล้านคนในสหรัฐฯ หลายคนเริ่มกักตุนโดรน แบตเตอรี่ และอะไหล่ของ DJI เพื่อยืดอายุการใช้งานธุรกิจของตน เนื่องจากมองว่ายังไม่มีสินค้าจากตะวันตกที่มาทดแทนได้ในราคาและประสิทธิภาพที่เท่าเทียมกัน
Eric Ebert เจ้าของบริษัทตรวจสอบไซต์งานก่อสร้าง Falcon Unmanned Systems ซึ่งได้กักตุนโดรนไว้กว่า 3 โหล กล่าวว่า “ผมเป็นคนอเมริกันแท้ๆ ผมขับรถกระบะเชฟวี่ แต่โดรนของอเมริกาไม่สามารถแข่งขันได้” สะท้อนให้เห็นถึงความจริงที่ว่า ผู้ประกอบการจำนวนมากต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากจีน
Greg Reverdiau ผู้ร่วมก่อตั้ง Pilot Institute ได้ทำการสำรวจนักบินโดรน 8,000 คน และพบว่าราว 43% มองว่าการแบนนี้จะส่งผลกระทบในเชิงลบอย่างรุนแรงหรืออาจทำให้ธุรกิจต้องปิดตัวลง และกว่า 85% กล่าวว่าพวกเขาอาจประคองธุรกิจต่อไปได้เพียง 2 ปีหรือน้อยกว่านั้นหากไม่มีโดรนเหล่านี้
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐฯ ก็พยายามผลักดันอุตสาหกรรมภายในประเทศผ่านโครงการ ‘Drone Dominance’ ของเพนตากอน ซึ่งตั้งเป้าใช้งบประมาณ 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.41 หมื่นล้านบาท) เพื่อจัดซื้อระบบจากผู้ผลิตในสหรัฐฯ ภายในปี 2027 ตามคำสั่งผู้บริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ต้องการลดข้อจำกัดและเพิ่มการลงทุนในผู้ผลิตอเมริกัน
Blake Resnick ผู้ก่อตั้ง Brinc Drones บริษัทสัญชาติอเมริกันที่ผลิตโดรนสำหรับหน่วยงานความปลอดภัยสาธารณะ มองว่าบริษัทของเขาจะได้รับประโยชน์จากการกีดกัน DJI ออกไป โดยให้ความเห็นว่า “มันสิ้นหวังสำหรับองค์กรใดๆ ที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ ที่จะไปแข่งขันกับ DJI” ซึ่งเติบโตมาได้ด้วยเงินอุดหนุนจากปักกิ่ง
ความเคลื่อนไหวนี้ยังมีนัยทางการเมืองที่น่าสนใจ เมื่อบริษัท Unusual Machines ซึ่งผลิตชิ้นส่วนโดรนและมี โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ บุตรชายของประธานาธิบดีนั่งเป็นที่ปรึกษาและถือหุ้น ได้เข้าลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายและผลิตโดรน เพื่อรองรับธุรกิจที่จะต้องหาซัพพลายเออร์รายใหม่หลังจากการแบนมีผลบังคับใช้
หมายเหตุ : ใช้อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 31.07 บาท ณ วันที่ 21 ธันวาคม 2568
ภาพ: Veronique Duplain / Shutterstock
อ้างอิง:
- https://edition.cnn.com/2025/12/23/business/us-ban-foreign-drones-dji-intl-hnk
- https://www.wsj.com/politics/national-security/u-s-bans-new-china-made-drones-sparking-outrage-among-pilots-1624e32a
- https://www.reuters.com/business/aerospace-defense/us-adds-dji-other-foreign-drones-national-security-list-2025-12-22/






