วันนี้ (25 ธันวาคม) เวลา 10.00 น. ที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ แผนกคดีล้มละลาย ได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ 2894–2895/2568 กลับคำสั่งศาลชั้นต้น โดยให้ “ยกคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ” ของ บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป (JKN) ชี้ปัญหาสภาพคล่องเกิดจากการบริหารงานผิดพลาดภายใน และไม่ปรากฏช่องทางที่ชัดเจนในการฟื้นฟูกิจการ
ศาลพิเคราะห์งบการเงินแล้วชี้ว่า การเติบโตของ JKN ในช่วงที่ผ่านมา เกิดจากการก่อหนี้สินด้วยการออกหุ้นกู้หมุนเวียนเพื่อนำมาขยายธุรกิจต่อเนื่องถึง 17 ครั้ง ระหว่างปี 2559-2566 มิได้เกิดจากความสามารถในการทำกำไรของกิจการอย่างแท้จริง
เมื่อเกิดการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้รุ่น JKN239A ส่งผลให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้รุ่นอื่นๆ (Cross Default) ตามมา รวมมูลค่าหนี้ที่ถึงกำหนดชำระทันทีสูงถึง 3,212.15 ล้านบาท จนนำไปสู่ภาวะขาดสภาพคล่อง
นอกจากนี้ กรณีที่ JKN อ้างว่าได้รับผลกระทบจากวิกฤตความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นกู้จากกรณี STARK ผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ ศาลเห็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลัง และไม่ได้เกี่ยวข้องกับการบริหารงานหรือการผิดนัดชำระหนี้ของลูกหนี้แต่อย่างใด ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงมาจากปัจจัยภายในองค์กรเอง
ประเด็นสำคัญที่ศาลหยิบยกขึ้นมาคือ ปัญหาธรรมาภิบาลในการบริหารงาน โดยพบข้อเท็จจริงว่า JKN ได้นำเงินทุนไปให้กรรมการผู้มีอำนาจบริหารยืมเป็นจำนวนเงินถึง 300 ล้านบาท ก่อนที่จะนำมาชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้รายอื่น พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการขาดธรรมาภิบาล
นอกจากนี้ การจำหน่ายธุรกิจองค์กรนางงามจักรวาล (MUO) เพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่อง ก็ยังได้รับชำระเงินไม่ครบถ้วน โดยได้รับเพียง 3.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังค้างชำระอีกกว่า 10.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษวินิจฉัยว่า ปัญหาทั้งหมดเกิดจากการบริหารงานของลูกหนี้ และลูกหนี้ไม่สามารถแสดงให้เห็นช่องทางในการหาเงินมาชำระหนี้หรือบรรเทาความเสียหายแก่เจ้าหนี้ได้อย่างเป็นรูปธรรม กรณีจึงไม่มีเหตุอันสมควรและไม่มีช่องทางที่จะฟื้นฟูกิจการได้ตามกฎหมาย
จึงพิพากษากลับให้ ยกคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ และจำหน่ายคดีในส่วนการตั้งผู้ทำแผนออกจากสารบบความ (แม้ก่อนหน้านี้ผู้คัดค้านจะยื่นขอถอนอุทธรณ์แต่ศาลไม่อนุญาต)


