วันนี้ (24 ธันวาคม) ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ หลังคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน 6 ปาก ในคดีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภาที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 42 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่
เนื่องจากผู้ถูกร้องทั้งสองขณะดำรงตำแหน่งได้ใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เป็นเครื่องมือแทรกแซงกระบวนการตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภาของ กกต. อันเป็นการกลั่นแกล้ง กดดัน ข่มขู่ และครอบงำสมาชิกวุฒิสภาซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ จนถือได้ว่าผู้ถูกร้องทั้งสองไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และมีพฤติกรรมเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องทั้งสองสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เสร็จเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแจ้งให้คู่กรณียื่นคำแถลงปิดคดีเป็นหนังสือภายในวันที่ 6 มกราคม 2569 หากไม่ยื่นทันเวลา ถือว่าไม่ติดใจ ศาลรัฐธรรมนูญจึงนัดแถลงผลการพิจารณาด้วยวาจา ในวันที่ 21 มกราคม 2569 เวลา 09.30 น. และนัดฟังคำวินิจฉัยในวันเดียวกัน ในเวลา 15.00 น.
ภูมิธรรม-ทวี เผยสบายใจตั้งแต่ก่อนมาชี้แจง
ขณะที่ภูมิธรรม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี ได้ลงมาจากห้องพิจารณาพร้อมกัน จากนั้นทั้งคู่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ภูมิธรรม กล่าวว่า ในการชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่มีอะไร เราได้บันทึกเอกสารส่งครบถ้วน เรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้เป็นการสอบถามเพิ่มเติม ซึ่งตนเองได้ชี้แจงว่าบทบาทหน้าที่ของเราอยู่ตรงไหน และพูดถึงข้อเท็จจริงในการปฏิบัติ
ส่วนเหตุผลในการเปลี่ยนวาระการประชุมกรรมการคดีพิเศษครั้งที่สอง และมีการพิจารณามาตรา 21 (1) และ (2) ภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องนี้ก็ได้ชี้แจงว่าในการประชุมครั้งที่สอง มีการพูดคุยและเห็นว่าเพื่อให้มีความรอบคอบมากขึ้น จึงให้ส่งไปที่อนุกรรมการฯ พิจารณา ทั้งนี้ ตนเองไม่ได้เห็นรายละเอียด แต่อยู่ในเอกสารที่รายงานไปแล้ว
“ผมสบายใจตั้งแต่ก่อนที่จะมาให้ถ้อยคำแล้ว เพราะมันไม่มีอะไร เราก็ทำหน้าที่ของเรา จากนี้ก็อยู่ที่ศาลท่านจะวินิจฉัย” ภูมิธรรมกล่าว
เมื่อถามย้ำว่าคดีทุจริตเลือก สว. ยังเป็นอำนาจที่ DSI จะดำเนินการได้หรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า ก็เป็นอำนาจหน้าที่ของแต่ละฝ่าย โดยที่ไม่ไปก้าวก่ายอำนาจของกันและกัน
สว. ฉัตรวรรษบอก ใครมีอำนาจหน้าที่อะไรก็ทำไป
ด้าน พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะผู้ร้องและพยาน กล่าวความรู้สึกภายหลังการไต่สวน โดยระบุว่า คนดีต้องอยู่ในสังคม ส่วนหลักฐานที่ DSI กล่าวอ้างนั้น เป็นเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณา ใครมีอำนาจอะไรก็ทำไป
เมื่อสื่อมวลชนถามว่า สรุปแล้วคดีฮั้ว สว. เป็นอำนาจการพิจารณาของ DSI ใช่หรือไม่ พล.ต.ต. ฉัตรวรรษกล่าวว่า ใครมีอำนาจหน้าที่อะไรก็ทำไป
ส่วนกรณีปรากฎเส้นเงิน 300 ล้านที่เชื่อมโยง ได้มีการชี้แจงกับคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดที่ 26 ซึ่งเป็นความร่วมมือของ DSI กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้วหรือไม่ พล.ต.ต. ฉัตรวรรษกล่าวว่า อยู่ที่ศาลจะพิจารณา
เมื่อถามว่า DSI และ กกต. ได้แจ้งข้อกล่าวหากับท่านแล้วหรือไม่ พล.ต.ต. ฉัตรวรรษระบุว่า ชุดคณะที่ 26 ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาไปครั้งหนึ่งแล้ว สำหรับความความคืบหน้าในคดี ก็ต้องไปถาม กกต. ส่วนตนเองได้ชี้แจงไปหลายครั้งแล้ว


