×

ปี 2026: เมื่อจีนขึ้นเกียร์ใหม่เปลี่ยนยุทธศาสตร์เทคโนโลยี

23.12.2025
  • LOADING...
ปี 2026: เมื่อจีนขึ้นเกียร์ใหม่เปลี่ยนยุทธศาสตร์เทคโนโลยี

เราต่างรู้กันว่าจีนตามหลังสหรัฐฯ ในเรื่องเซมิคอนดัคเตอร์ ข้อถกเถียงมักอยู่ที่ว่าจีนตามหลังสหรัฐฯ อยู่กี่ปีกันแน่ บ้างก็บอกว่า 10 ปี บ้างก็บอกว่า 5 ปี บ้างก็ว่าน้อยกว่านั้นอีก และจีนกำลังทุ่มเทเต็มที่ที่จะไล่กวดตามให้ทันสหรัฐฯ ให้ได้

 

แต่ยุทธศาสตร์เทคโนโลยีจีนที่สำคัญยิ่งกว่าการไล่กวดในอุตสาหกรรมที่จีนตามมาทีหลัง คือการเร่งขึ้นเกียร์ขยับนำหน้าให้ได้ในอุตสาหกรรมเกิดใหม่ทั้งหลายที่วันนี้ยังไม่มีใครเป็นผู้นำที่ชัดเจน ในอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่ทั้งจีนและสหรัฐฯ ต่างเริ่มต้นที่ศูนย์พร้อมกัน และยังเป็นอุตสาหกรรมทารกและรอการปฏิวัติวงการที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงสำคัญให้กับโลก

 

ลองนึกดูครับว่า ถ้าจีนเกิดทำสำเร็จเรื่องควอนตัม จีนก็คงไปบอกสหรัฐฯ ว่าจะใช้ควอนตัมไหม หากจะใช้ ก็ช่วยขายชิปให้จีนด้วยแลกกัน นี่จึงเป็นเกมการสร้างอำนาจต่อรองและไพ่ใบใหม่ของจีน

 

ในแผน 5 ปี ฉบับใหม่ของจีนที่จะประกาศใช้ในปี 2026 จึงได้กำหนดอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเป้าหมายใหม่แตกต่างจากเดิม จีนไม่ได้เน้นย้ำเพียงอุตสาหกรรมที่เราคุ้นชินเช่น Generative AI, รถยนต์ไฟฟ้า, แบตเตอรี่, โซลาร์เซลล์เหมือนในแผนฉบับเก่า แต่หันมาเน้นเรื่องใหม่ๆ อย่างควอนตัม การผลิตชีวภาพ (Biomanufacturing) ไฮโดรเจนและนิวเคลียร์ฟิวชันเพาเวอร์ การเชื่อมโยงระหว่างสมองและคอมพิวเตอร์ (Brain-Computer Interfaces) ปัญญาประดิษฐ์เชิงกายภาพ (Embodied AI) และ 6G

 

เราลองมาดูความสำคัญของแต่ละเรื่องกันครับ

 

  • อุตสาหกรรมควอนตัม ตัวการคำนวณควอนตัม (Quantum computing) หากสำเร็จอาจทำลายระบบเข้ารหัสดั้งเดิม และเปิดทางให้กับการคำนวณที่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์วันนี้ยังทำไม่ได้ หากจีนสามารถคุมโครงสร้างพื้นฐานชุดนี้ได้ก่อน จีนจะมีอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจ ความมั่นคง และเทคโนโลยีมหาศาล

 

  • การผลิตชีวภาพ (Biomanufacturing) คือการใช้เซลล์ เอนไซม์ หรือสิ่งมีชีวิตขนาดจิ๋วเป็น ‘วัตถุดิบในการผลิต’ จนสามารถผลิตยา วัคซีน วัสดุชีวภาพ พลาสติกย่อยสลายได้ โปรตีนทางเลือก อาหารใหม่ๆ หากเปรียบเศรษฐกิจแบบเดิมของจีนเป็น ‘โรงงานเหล็กและปูน’ การผลิตชีวภาพก็กำลังกลายเป็น ‘โรงงานเซลล์และดีเอ็นเอ’ ที่เสริมอีกเสาให้เครื่องยนต์เศรษฐกิจจีนหมุนต่อไปในยุคหลังอุตสาหกรรมหนัก

 

  • ไฮโดรเจนและนิวเคลียร์ฟิวชันเพาเวอร์ จีนกำลังวาง ‘เดิมพันยาว’ กับสองเทคโนโลยีพลังงานที่ยังไม่สุกงอมเต็มที่ แต่ถ้าเวิร์กจะกลายเป็น Game Changer ของโลกพลังงาน

 

  • การเชื่อมโยงระหว่างสมองและคอมพิวเตอร์ (Brain-Computer Interfaces) คือเทคโนโลยีเชื่อมสัญญาณสมองเข้ากับคอมพิวเตอร์หรือเครื่องกล ช่วยผู้ป่วยอัมพาตควบคุมแขนกล วีลแชร์ หรือแป้นพิมพ์ด้วยความคิด ใช้ในเวชศาสตร์ฟื้นฟู ประสาทวิทยา สุขภาพจิต และในระยะยาว อาจต่อยอดไปถึงการเรียนรู้ การเสริมความจำ หรือ gaming รูปแบบใหม่ รวมทั้งมีนัยต่อความมั่นคงและการพัฒนาอาวุธยุคใหม่ด้วย

 

  • ปัญญาประดิษฐ์เชิงกายภาพ (Embodied AI) ช่วงหลังเรามักพูดถึง AI ในฐานะโมเดลภาษาขนาดใหญ่ หรือแชตบอต แต่ที่จีนกำลังเน้น ‘Embodied AI’ – AI ที่มีร่างกาย เช่น หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่มองเห็น ฟังเสียง และเดินในโรงงาน ทำงานในบ้าน โรงพยาบาล โกดังสินค้า รัฐบาลจีนมองว่าหุ่นยนต์เหล่านี้จะเป็นหัวใจของ ‘กำลังการผลิตคุณภาพใหม่’ (new quality productive forces) ในภาคอุตสาหกรรมและบริการ

 

  • 6G Mobile Communications ในขณะที่ 5G ยังไม่ทันใช้เต็มศักยภาพ โลกก็พูดถึง 6G แล้ว ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ ‘เน็ตเร็วกว่าเดิม’ แต่คือ การใช้คลื่นความถี่ที่สูงขึ้น ดีเลย์ต่ำมากระดับมิลลิวินาที ซึ่งจะทำให้เกิดการผสาน ‘สื่อสาร + คำนวณ + เซนส์ซิง’ ในเครือข่ายเดียว สำหรับจีน 6G คือ ‘โครงข่ายประสาท’ ที่จะเชื่อมทุกอย่างตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้า หุ่นยนต์ โรงงานอัจฉริยะ ไปจนถึงอุปกรณ์สวมใส่และเมืองอัจฉริยะทั้งเมือง โดยตั้งเป้าว่า 6G จะเริ่มใช้งานเชิงพาณิชย์ได้ในต้นทศวรรษ 2030

 

ถ้ามองรวมกัน เราจะเห็นว่าทั้งหมดข้างต้นมีลักษณะเป็นเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐาน (general-purpose) ที่เป็นรากฐานให้กับธุรกิจและอุตสาหกรรมได้อีกหลากหลาย ควอนตัมและ 6G เปลี่ยนวิธีส่งข้อมูลและคำนวณ การผลิตชีวภาพ (Biomanufacturing) เปลี่ยนวิธีผลิตอาหารและยา ไฮโดรเจนและนิวเคลียร์ฟิวชันเพาเวอร์เปลี่ยนระบบพลังงาน ปัญญาประดิษฐ์เชิงกายภาพ (Embodied AI) เปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์–เครื่องจักร หากจีนสามารถปฏิวัติวงการเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ได้ ย่อมจะมีอำนาจต่อรองในห่วงโซ่คุณค่าทั่วโลกมากกว่าเพียงการผลิตสินค้าอย่างเดียว

 

ที่สำคัญ นี่เป็นการรีเซ็ตโครงสร้างเศรษฐกิจจีนจากอุตสาหกรรมเดิมที่เริ่มล้นตลาด แผน 5 ปีฉบับใหม่ (2026–2030) ของจีนจึงเริ่มลดน้ำหนักอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ และโซลาร์เซลล์ ที่ถูกผลักดันอย่างหนักในช่วงก่อนหน้า จนเกิดปัญหากำลังการผลิตเกินตัว (oversupply) และนำมาสู่แรงกดดันทางการค้า ดังนั้นในแผนใหม่จีนจึงจะเริ่มขยับน้ำหนักไปสู่เทคโนโลยีใหม่ๆ ข้างต้นแทน

 

วันนี้ไทยจึงไม่ได้แข่งกับจีนเพียงเรื่องต้นทุนค่าแรงหรือความสามารถด้านการผลิตอีกต่อไป แต่ต้องตัดสินใจว่าจะเชื่อมตัวเองเข้าไปใน ecosystem เทคโนโลยีใหม่ของจีนได้อย่างไร และจะใช้ประโยชน์อย่างไรจากเทคโนโลยีใหม่ๆ ของจีนในการช่วยพลิกโฉมเศรษฐกิจขั้นต่อไปของไทยเองด้วย

 

เราพร้อมหรือยังที่จะอัปเกรดระบบวิจัย การศึกษา และกติกากฎหมายของเรา ให้รองรับยุคที่ ‘สมองคน – หุ่นยนต์ – ดวงอาทิตย์เทียม – และควอนตัม’ กำลังถูกเขียนเข้าไปในแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศใหญ่

 

ในห่วงโซ่อุตสาหกรรมใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเรา ไทยจะเป็นเพียงผู้ใช้ ผู้ซื้อ ผู้รับจ้างผลิต หรือไทยจะเริ่มพัฒนาจุดแข็งเฉพาะตัวที่จีน (และสหรัฐฯ) ต้องการมา ‘ต่อจิ๊กซอว์’ กับเรา

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising