ใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศไปเดินเทรลขึ้นภูเขาที่ต่างประเทศ วันนี้เรามีรูทเดินเขา 12 แห่งทั่วญี่ปุ่นมาแนะนำ เพราะจะมีประเทศไหนอีกที่มีครบทั้งธรรมชาติที่สวยงาม บรรยากาศดี อาหารอร่อย แถมยังไปง่ายแบบไม่ต้องคิดเยอะด้วย
สิ่งที่ทุกคนต้องเตรียมมีแค่ทำร่างกายให้พร้อม ซ้อมขาให้ดี หยิบของที่จำเป็นไปให้ครบ แล้วชวนแก๊งสายลุยไปพิชิตเส้นทางผจญภัยใหม่ๆ ที่ต้องลองสักครั้งในชีวิตนี้ด้วยกันเลย!

Nakasendo Way: The Kiso Road
Nakasendo เป็นเส้นทางเทรลสายประวัติศาสตร์ที่หลายคนยกย่องว่ามีวิวธรรมชาติและเรื่องราวงดงามที่สุดเส้นทางหนึ่ง เพราะถนนสายนี้เคยเป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างเกียวโตและโตเกียวในอดีต (เอโดะ) ทุกคนจึงราวกับได้เดินตามรอยเหล่าโชกุน ซามูไร เกอิชา และพ่อค้าสมัยโบราณ ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น รวมถึงเส้นทางนี้มีหมู่บ้านโบราณ ออนเซ็น และโรงแรมเล็กๆ สไตล์ชนบทให้ทุกคนใช้เป็นสถานที่พักผ่อนด้วย
เส้นทางนี้ถือว่าเดินไม่ยาก เหมาะกับคนที่สามารถเดินได้วันละ 3-4 ชั่วโมงต่อวัน และถ้าหากใครไม่อยากเดินเองก็มีกรุ๊ปเดินเทรลที่จัดโดยทีม Walk Japan ให้ลองเข้าร่วมได้ โดยทั้งทริปจะมีไกด์และที่พักจัดเดียมให้พร้อม
ช่วงเวลาที่แนะนำ: ตลอดปี

Mount Aso
ภูเขาไฟ Aso เป็นภูเขาไฟที่ยังปะทุซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยอยู่ในเมืองคุมาโมโตะ จังหวัดคิวชู การมาเดินเทรลเส้นทางนี้จึงมีข้อควรระวังหลายอย่าง และควรติดตามอัปเดตสภาพอากาศรายวันผ่านศูนย์ผู้เยี่ยมชมเขา Aso อย่างใกล้ชิด (เว็บไซต์: www.aso-volcano.jp/eng/)
ทว่านอกจากสภาพอากาศและภูเขาไฟที่ยังอุ่น สิ่งที่ทำให้นักเดินเทรลต่างไม่ยอมแพ้ที่จะพิชิตยอดเขาก็คือธรรมชาติด้านบนที่งดงามจนลืมความเหนื่อยที่สะสมมาตั้งแต่พื้นดิน อีกทั้งภูเขาไฟ Aso ยังมียอดเขาทั้ง 5 ที่มีเสน่ห์แตกต่างกันด้วย ทำให้หลายคนอยากกลับไปเดินเก็บให้ครบทั้ง 5 ยอด ได้แก่
- Mt. Takadake (ความสูง 1,592 เมตร) เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในทั้งหมด
- Mt. Nakadake (ความสูง 1,506 เมตร) ภูเขาไฟที่ยังปะทุและมีควันลอยขึ้นมาบ่อยๆ
- Mt. Nekodake (ความสูง 1,433 เมตร) มียอดเขาขรุขระที่เป็นเอกลักษณ์และสวยงาม
- Mt. Eboshidake (ความสูง 1,337 เมตร) มีทุ่งหญ้ากว้าง Kusasenri ที่หลายคนประทับใจด้วยความสวยงามไม่แพ้กัน
- Mt. Kishimadake (ความสูง 1,326 เมตร) ทุกคนสามารถเดินชมธรรมชาติรอบปล่องภูเขาไฟได้
ช่วงเวลาที่แนะนำ: มีนาคม-ธันวาคม
อ้างอิง:

Kunisaki Trek
เส้นทางนี้เหมาะกับคนที่ชอบหรืออยากลองเดินท่ามกลางธรรมชาติ และปีนก้อนหินทั้งทางสั้นหรือทางชันไหว เพราะเส้นทางนี้อยู่ในธรรมชาติลึกซึ่งจะพาเราเข้าไปชม Hidden gems อย่างพระพุทธรูปสลักบนหิน ป่าเขียวขจี หมู่บ้านและวัดอันเงียบสงบ โดยผ่านเส้นทางที่พระสงฆ์ในอดีตเคยใช้เดินเพื่อเข้าไปนั่งวิปัสนาในป่า
แม้เส้นทางนี้ฟังดูชิลๆ แต่เราว่าเหมาะกับคนที่สามารถเดินผ่านเส้นทางขรุขระได้ และมีประสบการณ์แล้วประมาณหนึ่ง เนื่องจากบางช่วงมีก้อนหินเยอะและต้องปีนป่ายกันสักหน่อย
ช่วงเวลาที่แนะนำ: มีนาคม-พฤษภาคม และ กันยายน-พฤศจิกายน

Aizu Trail
อีกหนึ่งเส้นทางเดินเทรลที่สวยและไปได้ตลอดปี แถมแต่ละฤดูยังมีเสน่ห์ไม่เหมือนกันเลย เราเองก็อยากไปเห็นให้ครบทั้ง 3 ฤดูกาล โดย Aizu Trail มีเส้นทางแนะนำให้เดิน 3 เส้น
ทว่าเทรลที่หลายคนแนะนำที่สุดคือ Mishima Town Route ที่เหมาะกับทั้งมือใหม่และคนมีประสบการณ์ เนื่องจากเดินไม่ยาก ใช้เวลาไม่นาน แถมยังมีมุมไฮไลต์อย่าง No. 1 Tadami River Bridge สะพานรถไฟข้ามแม่น้ำที่หากใครมาช่วงฤดูร้อนจะได้เห็นหมอกปกคลุมสะพานข้ามแม่น้ำ ถ้าหากเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิจะได้ชมใบไม้เปลี่ยนสี และหากมาช่วงฤดูหนาวจะได้เห็นป่าสีขาวโพลนจนไม่อยากคลาดสายตา
ช่วงเวลาที่แนะนำ: ตลอดปี
อ้างอิง:

Izu Geo Trail
ใครอยากเดินเทรลเส้นทางธรรมชาติริมชายฝั่งที่เงียบสงบ เที่ยวเมืองวาซาบิ ชมภูเขาไฟสีเขียว น้ำตก และทุ่งหญ้ากว้าง เราเชื่อว่าต้องรักเส้นทางนี้แน่นอน เพราะ Izu Geo Trail เป็นเส้นทางอุทยานฯ ที่มีธรรมชาติสวยงาม แถมยังเดินไม่ยาก เหมาะกับคนที่เตรียมตัวมาแล้วพอประมาณและสามารถเดินขึ้นบันไดหรือทางชันได้สบายๆ
เส้นทางนี้มีภูเขาหรือจุดชมวิวให้เลือกหลายแห่ง หากใครโชคดีก็อาจได้ชมภูเขาไฟฟูจิในวันที่อากาศเป็นใจด้วย โดยจุดที่แนะนำอย่างเช่น ภูเขา Daruma ที่หลายคนบอกว่าจากมุมนี้มองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้สวยงามไม่แพ้กัน หรือถ้าหากใครอยากมั่นใจก็สามารถไปกับกลุ่มเดินเทรลที่มีทริปเส้นทางนี้ได้ เช่น Walk Japan ที่เปิดทัวร์เส้นทางนี้ช่วงกลางปีเป็นต้นไป
ช่วงเวลาที่แนะนำ: ตลอดปี
อ้างอิง:

Tokaido Trail
หนึ่งในเส้นทางเทรลที่มีชื่อเสียงและค่อนข้างเป็นที่รู้จัก เพราะนอกจากเดินไม่ยาก Tokaido ยังเป็นเส้นทางเทรลสายประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยเรื่องน่าสนใจมากมาย เนื่องจากเส้นทางนี้คือถนนที่เชื่อมระหว่างเมืองเกียวโตและโตเกียวในอดีต ก่อนต่อมาจะเกิดรถไฟชินคันเซ็นขบวนแรกของโลกซึ่งทำให้การเดินทางระหว่าง 2 เมืองเหลือเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
แล้วนอกจากวิวธรรมชาติและป่าไม้อันเงียบสงบที่มีให้สัมผัสตลอดทาง เส้นทางนี้ทุกคนยังสามารถชมวิวภูเขาไฟฟูจิได้อีกด้วย รวมถึงสถานที่อันโด่งดังอย่างเมือง Hakone ที่ขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติและมีทะเลสาบบนปล่องภูเขาไฟ (Lake Ashinoko) ก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
ช่วงเวลาที่แนะนำ: ตลอดปี

Daisetsuzan National Park
ใครอยากเดินเทรลชมธรรมชาติทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น ที่เมืองฮอกไกโดมีสถานที่แนะนำอย่าง Daisetsuzan National Park หรืออุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซัง เนื่องจากบริเวณนี้มีทั้งภูเขา บ่อน้ำพุร้อน จุดแช่ออนเซ็น และธรรมชาติตามแนวเขาที่สวยงาม ทุกคนสามารถเลือกเส้นทางตามระดับความแข็งแรงของร่างกายได้เลย เพราะมีทั้งเส้นทางง่ายๆ ใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง ไปจนถึงเทรลพิชิตยอดเขาที่ใช้เวลา 1-2 วัน
โดยจุดไฮไลต์สำหรับคนอยากผจญภัยก็คือ Mount Asahidake ภูเขาที่สูงที่สุดในฮอกไกโด และเป็นจุดที่ทุกคนสามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีและหิมะสีขาวได้ก่อนใครในประเทศญี่ปุ่น
ช่วงเวลาที่แนะนำ: ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว
อ้างอิง:

Mt. Miyanoura hike
นอกจากเกาะ Yakushima ซึ่งอยู่ทางชายฝั่งตอนใต้ของเกาะคิวชูจะเป็นสถานที่แห่งแรกของประเทศญี่ปุ่นที่ได้ขึ้นทะเบียน
ในฐานะแหล่งมรดกทางธรรมชาติของโลก บนเกาะนี้ยังมีเส้นทางเดินเขาที่น่าไปท้าทายสักครั้งอยู่ด้วย ซึ่งก็คือ Mt. Miyanoura ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในแถบคิวชู อีกทั้งได้รับเลือกให้เป็น 100 ภูเขาอันโด่งดังที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากไม่เพียงความเขียวสดชื่น ที่นี่ยังมีป่าสนโบราณอายุ 7 พันปี ลำธาร สัตว์ป่า และน้ำตกให้ค้นพบเช่นกัน
บนเกาะนี้มีเส้นทางให้เลือกหลายระดับ แต่เราแนะนำว่าควรมีประสบการณ์พอประมาณ และควรเลือกเส้นทางตามความพร้อมของตัวเอง
ช่วงเวลาที่แนะนำ: เมษายน-พฤษภาคม และปลายเดือนกันยายน-พฤศจิกายน
อ้างอิง:

Oze National Park
อุทยานแห่งชาติโอเซะ เป็นเขตพื้นที่ชุ่มน้ำบนภูเขาที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น โดยกินพื้นที่ถึง 4 จังหวัด ได้แก่ กุนมะ ฟุกุชิมะ โทชิงิ และนีงาตะ ซึ่งข้อดีของที่นี่คือทุกคนสามารถแวะมา One Day Trip จากโตเกียวได้ (ถ้าตื่นเช้าไหว) เพราะมีเส้นทางเดินเทรลให้เลือกหลายเส้นทาง เริ่มตั้งแต่ง่ายๆ เดินชมทะเลสาบและธรรมชาติซึ่งเหมาะสำหรับมือใหม่ ไปจนถึงเดินเขาระดับยากที่ใช้เวลาหลายชั่วโมง
แต่หากใครไม่ชอบทริปเดินเขาแบบเร่งรีบก็มีที่พักให้บริการ หรือจะกางเต๊นท์ในจุดที่กำหนดก็ได้เช่นกัน
ช่วงเวลาที่แนะนำ: พฤษภาคม-ตุลาคม
อ้างอิง:

Rebun Island
Rebun Island เป็นเกาะที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยอยู่ทางตอนเหนือของฮอกไกโด เราเชื่อว่าใครที่รักธรรมชาติ โดยเฉพาะดอกไม้ จะต้องหลงรักที่นี่อย่างแน่นอน เพราะบนเกาะนี้มีดอกไม้พันธุ์หายากซึ่งโตเฉพาะบนเกาะ Rebun เท่านั้นอยู่ด้วย
เส้นทางเทรลมีให้เลือกหลายระดับเช่นกัน ใช้เวลาตั้งแต่ 2-7 ชั่วโมง จึงสามารถวางแผนเดินทางมาเที่ยวแบบ One Day Trip หรือนอนค้างสักคืนก็ได้ โดยเส้นทางที่โด่งดังที่สุดคือ Momoiwa Trail ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะ เป็นเทรลเส้นทาง 7 กิโลเมตร ความพิเศษของรูทนี้คือ ทุกคนจะได้เดินผ่านเนินเขาสีเขียวที่เต็มไปด้วยดอกไม้ป่า พร้อมกับมองเห็นเกาะริชิริที่อยู่ไม่ไกล
ช่วงเวลาที่แนะนำ: มิถุนายน-สิงหาคม
อ้างอิง:

HAKUBA OIKE ROUTE
Hakuba น่าจะเป็นสถานที่ที่หลายคนฝันอยากไปเที่ยวสัมผัสธรรมชาติสักครั้ง แล้วจะมีกิจกรรมอะไรน่าสนุกไปกว่าการใช้เวลาเดินชมธรรมชาติแบบเต็มอิ่มท่ามกลางเทือกเขาและบึงกว้างใหญ่ เพราะถึงแม้เส้นทางเดินรูทนี้จะมีทั้งง่ายสำหรับมือใหม่ ไปจนถึงสายแข็งมากประสบการณ์ ทุกคนก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 วันในการไปถึงจุดชมวิวไฮไลต์อย่าง Hakuba Oike Pond
แต่เชื่อเราเถอะว่าสิ่งที่ทุกคนจะได้เห็นคุ้มค่ากับความเหนื่อยแน่นอน ไม่ว่าจะช่วงฤดูหิมะกำลังละลาย หรือฤดูท้องฟ้าโปร่งมองเห็นน้ำใสและต้นไม้สีเขียว
ช่วงเวลาที่แนะนำ: มิถุนายน-ตุลาคม
อ้างอิง:

Jigokudani Yaen-Koen
ใครอยากเดินเทรลง่ายๆ ใช้เวลาไม่นาน แถมยังได้เที่ยวและถ่ายรูปด้วย เราแนะนำให้ไปที่ Jigokudani Monkey Park หรือหลายคนน่าจะเคยได้ยินในชื่อ ‘หุบเขานรก’ โดยที่นี่อยู่ใน Yamanouchi เมืองทางตอนเหนือของจังหวัด Nagano นอกจากน้ำพุร้อนที่เมืองนี้ขึ้นชื่อ อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ทำให้หลายต่อหลายคนยอมเดินทางมาเพื่อได้เห็นเองกับตาก็คือ ฝูงลิงน้อยที่กำลังแช่น้ำพุร้อนแก้หนาวนั่นเอง
ซึ่งบริเวณที่นักท่องเที่ยวเข้าชมลิงแช่น้ำพุร้อนสามารถเดินเข้าได้จากหลายทาง โดยเส้นทางเทรลแนะนำคือ Jigokudani Yaen-Koen ที่ใช้เวลาประมาณไม่เกิน 2 ชั่วโมง เป็นเทรลง่ายๆ เหมาะสำหรับการพักผ่อน แต่ยังคงได้รอยยิ้มกลับไป
ช่วงเวลาที่แนะนำ: ธันวาคม-มีนาคม
อ้างอิง:


