วันนี้ (17 ธันวาคม) ที่พรรคภูมิใจไทย เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ พร้อมด้วย ศุภมาส อิศรภักดี ในฐานะแกนนำเลือกตั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมของผู้สมัคร สส. กทม.ว่า ตอนนี้ทุกพรรคคงเตรียมความพร้อม ทั้งพรรคภูมิใจไทย ซึ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เป็นพื้นที่ที่สำคัญสำหรับพรรคภูมิใจไทย และตนเข้าใจว่าในประวัติไม่เคยมีสส.ของกรุงเทพมหานครมาก่อน หากมีก็จะเป็นครั้งแรก
เอกนัฏยอมรับว่า งานครั้งนี้เป็นงานหิน แต่ตนไม่ขอพูดว่าพร้อม หรือมั่นใจแค่ไหน แต่ตนมาพร้อมกับความตั้งใจ และในการทำงานที่ผ่านมาก็สู้ไม่ถอย สู้สุดซอย และวันนี้ตนก็มีผู้เป็นสนับสนุน ไม่ได้ทำอยู่คนเดียว แต่ช่วยกันทั้งพรรค รวมทั้งแม่ทัพหญิงของตนคือนางสาวศุภมาส ที่เคยเป็นสส.กรุงเทพมหานครมาก่อน ในยุคของพรรคไทยรักไทย ก็หวังว่า จะได้นำประสบการณ์ และทีมงานที่ตนได้ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่พรรครวมไทยสร้างชาติ จึงจะทำให้ดีที่สุด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ครั้งนี้กดดันหรือไม่ เพราะพรรคภูมิใจไทยไม่เคยได้สส.ในกรุงเทพมหานคร ครั้งนี้จะได้เก้าอี้ สส.ในกรุงเทพมหานครหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า มันเป็นสไตล์ชีวิตของตนที่ไม่เคยเจอเรื่องง่ายในชีวิต และทั้งชีวิตก็อยู่กับการต่อสู้ ไม่เคยเจอโจทย์ง่าย จึงเป็นเหตุผลที่พรรคภูมิใจไทย เลือกรัฐมนตรีขิงให้มาลองรับผิดชอบดู ย้ำว่า เราพร้อมสู้ แต่ไม่ขอบอกก็พร้อมขนาดไหน เพราะเป็นโจทย์ที่ทุกคนต้องเผชิญ และมั่นใจว่าผู้สมัครของเราในวันนี้ มีสัญญาณที่ดีที่ได้มาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย แม้ภาคภูมิใจไทยจะไม่เคยมีสส.ในกรุงเทพมหานครเลยเลย และครั้งนี้ก็เป็นการเข้ามาสมัคร มากที่สุดในประวัติศาสตร์ และทุกเขตมีมากกว่า 1 คน หน้าที่ของ และเป็นหน้าที่ของตน และนางสาวศุภมาสที่จะต้องทำหน้าที้คัดคตให้ดีที่สุด ซึ่งทุกคนมีความพร้อมที่จะสู้ไปด้วยกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงความมั่นใจว่า จะสามารถเจาะพื้นที่เดิมของพรรคประชาชนในกรุงเทพมหานครได้ เอกนัฏ กล่าวว่า ไม่สามารถพูดได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต แต่พูดได้อย่างเดียวว่าปัจจุบัน เราต้องสู้อย่างเต็มที่ และใช้พยายามอย่างเต็มที่ ยากเท่าไหร่ก็ต้องยิ่งทำงานให้หนัก เพราะเวลามีไม่มาก และตนยังเป็นน้องใหม่ของพรรคภูมิใจไทย แต่ก็มาด้วยความตั้งใจเต็มร้อย ซึ่งสโลแกนของพรรคภูมิใจไทยคือพูดแล้วทำ มาวันนี้ก็เป็นพูดแล้วทำ พลัส ก็หมายความว่า ต้องทำให้มากกว่าที่พูด ซึ่งตอนที่ตนได้เข้ามาก็ได้รับการสื่อสารว่า อย่าไปพูดอะไรที่ทำไม่ได้ ตนก็จะไม่พูดอะไรที่เราทำไม่ได้ แต่ก็จะทำให้เต็มที่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พื้นที่กรุงเทพมหานครที่จะต้องใช้กระแสจะมีวิธีอย่างไร เอกนัฏ กล่าวว่า สิ่งที่แตกต่างกว่าที่เคยเป็นมาสำหรับพรรคภูมิใจ คือศูนย์รวมของบ้านใหญ่ แต่ภูมิใจไทยไม่เหมือนเดิม จึงเป็นที่มาของคำว่า พลัส ซึ่งเราจะเห็นการรวมตัวกันของมืออาชีพ ที่จะช่วยกันทำงาน
อย่างสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเราก็จะเห็นบทบาทของท่านในการเจรจาสื่อสารตอบโต้ ในประเด็นต่างชาติ หรือ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในการขับเคลื่อนระบบราชการ อย่างโครงการคนละครึ่งพลัส ที่สามารถออกมาได้อย่างทันท่วงทีในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
หรือ ศุภจี สุธรรมพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในการทำหน้าที่เจรจา ค้าขายกับต่างประเทศ มาเพียง 2-3 เดือนก็ขายข้าวให้จีนได้ ทำให้ราคาข้าวสูงขึ้น ซึ่งขณะนี้พรรคเองก็กำลังขับเคลื่อนไปสู่การเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่เดินหน้าทำแต่พื้นที่บ้านใหญ่ ตามที่ทุกคนเข้าใจ แต่เป็นการรวมตัวกันของมืออาชีพ ที่ทุกคนจะทำงานได้อย่างสำเร็จ ถือเป็นการเผชิญหน้าร่วมกัน และเป็นสิ่งที่แปลกใหม่
ส่วนในพื้นที่กทม. จะมีนโยบายอะไรที่ดึงดูดใจคนกทม.ได้ นายเอกนัฏ ระบุว่า โยบายที่สำคัญที่สุดคือนโยบายระดับประเทศ กทม.คือเมืองหลวงของประเทศ ซึ่งนโยบายของพรรคภูมิใจไทยมีความชัดเจน นี่จึงเป็นเหตุผลที่สำคัญที่ตนมาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย
“เรื่องของชายแดน ก็เห็นการตัดสินใจที่เด็ดขาด อย่างผู้นำประเทศ นายกฯ อนุทิน ที่ต้องรักษาอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชน และเราสามารถทำงานกับระบบราชการ ไม่ให้เป็นอุปสรรค ตามแนวทางขวาใหม่ อนุรักษนิยม เพราะฉะนั้นอะไรที่ไม่เคยเห็นในกรุงเทพมหานคร เช่น ไม่เคยมีสส.ในกทม. ครั้งต่อไปเราอาจจะมีก็ได้”


