วันนี้ (12 ธันวาคม) ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วย ศิริกัญญา ตันสกุล และ วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงทิศทางการดำเนินงานของพรรคภายหลังมีความชัดเจนเรื่องการยุบสภา
ณัฐพงษ์ กล่าวว่า พรรคประชาชนตระหนักดีว่าปัญหาความไม่เป็นประชาธิปไตยของรัฐธรรมนูญและอำนาจขององค์กรอิสระที่มาจากการแต่งตั้ง (สว.) เป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาประเทศ ซึ่งเห็นได้จากปรากฏการณ์นิติสงคราม ที่ถอดถอนนายกรัฐมนตรีถึง 2 คน และยุบพรรคก้าวไกลในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พรรคจึงพยายามผลักดันการแก้ไขกติกาสูงสุดผ่านการทำบันทึกข้อตกลง (MOA) ร่วมกับพรรคภูมิใจไทย
อย่างไรก็ตาม จากผลการลงมติในรัฐสภาเมื่อวานนี้ (11 ธันวาคม) ที่พรรคภูมิใจไทยร่วมกับสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ลงมติคงอำนาจ สว. (เงื่อนไขเสียง 1 ใน 3) ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราตกไป ณัฐพงษ์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้กล่าวขอโทษต่อประชาชนที่ภารกิจนี้ไม่สำเร็จ แม้จะพยายามอย่างเต็มที่ภายใต้ข้อจำกัดทางการเมืองที่มีอยู่
ประเด็นข้อถกเถียงเรื่องการผิดเงื่อนไข MOA ณัฐพงษ์ ชี้แจงว่า แม้ MOA จะเป็นกรอบกว้างๆ แต่ในทางปฏิบัติ ทั้งในชั้นกรรมาธิการและมติวิปรัฐบาล ต่างมีทิศทางสอดคล้องกันว่าจะไม่มีเงื่อนไขเสียง สว. 1 ใน 3 แต่กลับพบข้อเท็จจริงในช่วงเที่ยงวานนี้ว่า พรรคภูมิใจไทยเปลี่ยนท่าทีและลงมติสวนทางกับมติวิปรัฐบาลของตนเอง จึงขอให้สังคมช่วยกันตั้งคำถามไปยังนายกรัฐมนตรีถึงสาเหตุของการกระทำดังกล่าว
สำหรับความพร้อมในการเลือกตั้งที่จะมาถึง ณัฐพงษ์ ประกาศว่า พรรคประชาชนมีความพร้อมสูงสุดในการส่งผู้สมัครลงชิงชัยครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยย้ำจุดยืนว่า พรรคไม่ได้ต้องการเข้าสู่การเมืองเพียงเพื่อเป็นรัฐบาลหรือต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ต้องการเข้ามาเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง
“หากจะตอบคำถามชัดๆ ว่า ทำอย่างไรไม่ให้พรรคประชาชนถูกหักหลังอีก ก็เป็นสิ่งที่พวกเราต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อให้ได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนมากที่สุด ให้เราเข้มแข็งพอ ไม่ให้ใครมาหักหลังเสียงของประชาชนได้อีก” ณัฐพงษ์ กล่าว
ในช่วงท้าย หัวหน้าพรรคประชาชน ย้ำว่า แม้การแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราจะตกไป แต่ที่ประชุมรัฐสภายังมีมติผ่านความเห็นชอบเรื่อง คำถามประชามติ (คำถามที่ 1) ซึ่งถือเป็นข้อผูกพันทางกฎหมาย พรรคประชาชนจึงคาดหวังให้คณะรัฐมนตรีรักษาการ ดำเนินการจัดทำประชามติไปพร้อมกับการเลือกตั้ง เพื่อให้กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ยังคงเดินหน้าต่อไปได้



