วันนี้ (11 ธันวาคม) ไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ถึงกรณีที่ กรุณา ชิดชอบ มารดา นำข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับครอบครัวชิดชอบมาเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียว่า ตนเองเพิ่งทราบเรื่องและได้สอบถามกับคุณแม่แล้ว ยืนยันว่าจะดำเนินการทุกอย่างตามกระบวนการอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ถึงจะรักมากและเป็นแม่ ถ้าใจไม่แข็งพอก็จะไม่สามารถปราบปรามสแกมเมอร์ได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ได้ตรวจสอบกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC) พบว่าข้อมูล PDPA ที่ถูกปล่อยออกมานั้น เป็นข้อมูลที่ผู้ปล่อยข้อมูลควรจะได้ เพราะมีการมอบอำนาจให้ไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีจึงมีข้อมูลนี้อยู่แล้ว ดังนั้น ในเชิงเนื้อหาข้อมูลจึงไม่ผิด PDPA เนื่องจากมีการมอบอำนาจในการดำเนินคดี โดย สภ.นางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ทำรายงาน รวบรวมส่งมาให้ PDPC ทราบมาว่ามีการลงโทษภายในแล้ว แต่ตนเองไม่อาจก้าวก่ายเรื่องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้
ไชยชนกยืนยันว่า จะต้องตรวจสอบทุกเรื่อง ไม่มีข้อยกเว้นในเชิงข้อกฎหมาย PDPA ย้ำว่าไม่ผิดจริงๆ แต่ถ้ามีเรื่องใดที่ผู้เสียหายดำเนินการได้คือ หมิ่น แต่ก็ไม่อยากให้ไปถึงจุดนั้น เพราะท้ายที่สุดก็มีผู้เสียหายทั้งสองฝ่าย
สำหรับต้นตอของปัญหาคือมีการกล่าวหาครอบครัวของตนเองว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคาสิโนในฝั่งกัมพูชา ส่วนตัวเห็นใจคุณแม่ เพราะรู้ว่า เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ทำทุกอย่าง ทั้งเรื่องศูนย์อพยพ ตนเองก็เอาตัวมาเสี่ยงในการเปิดโปงสแกมเมอร์แบบเต็มที่ คุณแม่เห็นแบบนี้ก็คงเสียใจ แต่อย่างไรทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย
“คุณแม่แข็งแกร่งมาก ได้พูดคุยกันตอนเช้า คุณแม่เป็นห่วงผมมากกว่า และคุณแม่โทรมาด้วยความกังวลว่า เรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของผมหรือไม่ ผมก็ยืนยันกับแม่ไปว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นห่วง แต่ต้องบอกว่าครอบครัวผมเลี้ยงดูมาแบบนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตามต้องไม่เกิดการใช้อำนาจที่ไม่ชอบ หรือเอานามสกุลไปทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง ท่านสอนผมมาเอง ดังนั้น ท่านจึงโทรมาบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง เดินให้เต็มที่เลย” ไชยชนกกล่าว
ไชยชนกกล่าวว่า ตนได้ถาม ผอ. PDPC ว่าไม่สามารถดำเนินการได้มากกว่านี้จริงหรือ ซึ่งเขาก็บอกว่า โดยกฎระเบียบข้อบังคับเรื่อง PDPA แล้วมันทำไม่ได้จริงๆ และได้เน้นย้ำให้ทำตามกฎระเบียบให้ทำเต็มที่ หรือต่อให้มีการร้องเรียนมาจากคู่กรณี ก็จะดำเนินการให้เต็มที่ตามที่มีการร้องเรียน
เมื่อถามว่า ในโซเชียลมีเดียมีการตั้งคำถามว่า กรุณาไปได้ข้อมูลส่วนบุคคลมาได้อย่างไร ไชยชนกกล่าวว่า เท่าที่สอบถามเบื้องต้นเป็นการมอบอำนาจเพื่อให้ไปแจ้งความและดำเนินคดี ซึ่งตำรวจต้องไปรวบรวมว่าข้อมูลรั่วไหลได้อย่างไร และตนได้บอกกับทางศูนย์ PDPC ให้ดำเนินการตามมาตรการ และให้ตรวจสอบเพิ่มเติมในเคสนี้
เมื่อถามย้ำว่า ได้ถามนางกรุณาหรือไม่ว่าได้เอกสารนั้นมาได้อย่างไร ไชยชนกกล่าวว่า ผู้รับมอบอำนาจเขาส่งมา ตนไม่แน่ใจในรายละเอียด
“ผมก็ได้ให้กำลังใจคุณแม่ ตอนนี้คุณแม่ก็เป็นห่วงใหญ่เลย เห็นเราตั้งใจทำงานแล้วมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ ตั้งแต่ทำฟุตบอลมาเราจะเจอเรื่องนี้บ่อย ด้วยความที่เรามีความเกี่ยวข้องกับการเมืองด้วย โดนหมิ่นโดนอะไรเยอะ เป็นเรื่องปกติที่คุณแม่ต่อสู้มาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ส่งผลกระทบมาที่ผม ผมก็บอกแม่ว่าไม่ต้องเป็นห่วง ถ้ามีผลกระทบเราก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน เพราะเป็นครอบครัว” ไชยชนกกล่าว
ไชยชนกย้ำถึงการที่กรุณานำข้อมูลส่วนบุคคลของคนอื่นมาโพสต์ว่า มันไม่ผิด เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ มีการมอบอำนาจไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดี จึงมีข้อมูลนี้โดยชอบ ไม่ผิดกฎหมาย และกระทำในรูปแบบส่วนตัว ไม่ใช่เผยแพร่แบบที่ไม่ได้เป็นส่วนตัว ยืนยันว่าตนทำเต็มที่


