เมืองเป็นศูนย์กลางความเจริญ ขณะเดียวกันก็เริ่มเป็นศูนย์กลางของวิกฤตด้วย…เมืองเลยถูกมองว่าเป็นทั้ง ‘ปัญหา’ และ ‘ทางออก’ ในเวลาเดียวกัน เราจะทำอย่างไรให้การพัฒนาเมืองมันยั่งยืนมากขึ้น นี่คือที่มาของ UddC
ผศ.ดร.นิรมล เสรีสกุล, ผู้อำนวยการศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UddC)
ในวันที่โลกเปลี่ยนเร็วกว่าเดิม เมืองที่เราอาศัยอยู่ไม่ได้เป็นเพียงฉากหลังของชีวิต แต่เป็นตัวที่กำหนด Living Quality ของเราทั้งร่างกาย จิตใจ รวมไปถึงเวลาที่เราใช้ไปในแต่ละวันด้วย ทำไมคุณภาพชีวิตเราถึงถูกกำหนดด้วยเมือง เมืองที่ดีต้องมีหน้าตาเป็นเช่นไร และจะทำอย่างไรให้ประเทศไทย โดยเฉพาะกรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ ‘อยู่ดี’ และ ‘อยู่ได้’ ไปพร้อมกัน
Eco-Curious ตอนนี้ เราพาคุณไปคุยกับ ‘รศ.ดร.นิรมล เสรีสกุล’ ผู้อำนวยการศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UddC) นักออกแบบเมืองที่ทำงานกับคำถามใหญ่ระดับประเทศ ถึงแนวทางการพัฒนาเมืองและแนวคิดการออกแบบผังเมืองที่เชื่อมคนและพื้นที่สีเขียวเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่ม Living Quality ที่ดีในทุกวัน
What is ‘UddC’?
หลายคนอาจไม่คุ้นหูชื่อ ‘ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UddC)’ แต่ที่นี่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 แล้ว ภายใต้การดูแลของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีพันธกิจสำคัญ 5 ด้าน ได้แก่ การออกแบบและวางผังเมือง การวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลเมือง การสร้างการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและภาคีพัฒนา การสื่อสารและประชาสัมพันธ์ และการฝึกอบรม
“ตอนนั้นโลกกำลังเข้าสู่ยุคที่เรียกว่า Planetary Urbanism คือทั้งโลกกำลัง ‘กลายเป็นเมือง’ กระบวนการ Urbanization เกิดขึ้นทุกที่ทั้งวิถีชีวิต เศรษฐกิจ สังคม ทุกอย่างถูกกำหนดด้วยตรรกะของเมือง หรือ Urban Logic
“เมืองเลยกลายเป็นศูนย์กลางความเจริญ แต่ในขณะเดียวกันก็เริ่มกลายเป็นศูนย์กลางของวิกฤตด้วย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม สุขภาพสาธารณะ โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง การจราจรติดขัด มลภาวะทางอากาศ ฯลฯ เพราะฉะนั้น เมืองเลยถูกมองว่าเป็นทั้งปัญหาและทางออกในเวลาเดียวกัน”
UddC ทำงานด้วยวิธีคิดใหม่ เน้นการวางผังเมืองในระดับ ‘ย่าน’ ซึ่งเป็นสเกลที่ส่งผลต่อชีวิตประจำวันมากที่สุด พร้อมส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อให้เมืองถูกออกแบบบนความต้องการของผู้ใช้พื้นที่จริง บทบาทสำคัญอีกด้านของ UddC คือการสร้าง ‘นักเลงเมืองพันธุ์ใหม่’ ผู้เชี่ยวชาญข้ามศาสตร์ที่เข้าใจเมืองในฐานะระบบซับซ้อน ไม่ใช่แค่พื้นที่กายภาพ แต่ยังช่วยผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ ตั้งแต่การพัฒนาเมืองเดินได้ ไปจนถึงโมเดล ‘หย่อมป่า’ โปรเจกต์ออกแบบพื้นที่สีเขียว ที่ AP ให้ความสำคัญจนนำไปใช้ในหลายโครงการบ้าน เพื่อส่งมอบ Living Quality ภายในบ้าน และรอบๆ บ้าน จุดเด่นของหย่อมป่าคือการออกแบบพื้นที่สีเขียวขนาดเล็กในบริเวณบ้านเอื้อให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพจนเกิดเป็น ‘ถิ่นที่อยู่อาศัยย่อย’ คืน Living Quality ให้ผู้คนที่อยู่อาศัยอยู่ในบ้านไปจนถึงระดับย่าน

How sustainable is it?
“มาตรฐานของ WHO บอกว่า เมืองที่ดีควรมีพื้นที่สีเขียวหรือสวนสาธารณะอย่างน้อย 9 ตารางเมตรต่อคน และคนควรเข้าถึงสวนระดับละแวกบ้านได้ในระยะประมาณ 1 กิโลเมตร หรือใช้เวลาเดินไม่เกิน 15 นาที
“กรุงเทพฯ เคยรายงานตัวเลขประมาณ 7.6 ตารางเมตรต่อคน ฟังดูใกล้เคียง 9 แต่ไปดูวิธีคำนวณ เขานับจากภาพถ่ายดาวเทียม เห็นพื้นที่สีเขียวตรงไหนก็นับหมด ไม่ว่าจะใช้ได้หรือใช้ไม่ได้ ถ้าเรานับเฉพาะ ‘สวนสาธารณะ’ และรวมประชากรกลางวันที่หลั่งไหลเข้ามาจากปริมณฑล ตัวเลขจะเหลือแค่ประมาณ 2.3 ตารางเมตรต่อคน ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐาน WHO เยอะมาก ปัญหาจริงๆ เลยไม่ใช่แค่ ‘มีเท่าไหร่’ แต่คืออยู่ตรงไหน เข้าถึงได้ไหม และใครได้ใช้”
หากมองผ่านเลนส์ความยั่งยืน UddC คือหนึ่งในหน่วยงานด้านเมืองที่ขับเคลื่อนประเด็นนี้อย่างเป็นรูปธรรมที่สุดในประเทศไทย เพราะการทำงานของ UddC ไม่ได้มุ่งแก้ปัญหาแบบปลายเหตุ แต่เริ่มตั้งแต่ ‘โครงสร้างของเมือง’ ที่กำหนดคุณภาพชีวิตและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว การเน้นวางผังในระดับย่านทำให้สามารถปรับเปลี่ยนระบบพื้นที่ การเดินเท้า ขนส่งมวลชน พื้นที่สีเขียวซึ่งเป็นรากฐานของเมืองที่ยั่งยืนจริงๆ

UddC ใช้ข้อมูลเมือง (Urban Data) และเทคนิคมองอนาคต เพื่อทำให้การออกแบบตอบสนองโลกที่เปลี่ยนเร็ว ไม่ใช่แค่แก้ปัญหาของวันนี้ แต่เตรียมพร้อมสำหรับปัญหาที่จะเกิดขึ้นในทศวรรษหน้า พวกเขายังเป็นผู้ผลักดันแนวคิด ‘เมืองเดินได้ – เมืองเข้าถึงได้’ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการลดคาร์บอนจากภาคการเดินทาง อันเป็นแหล่งการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหลักของเมืองใหญ่
อีกมิติคือความยั่งยืนทางสังคม UddC มุ่งสร้างเมืองที่ทุกคนเข้าถึง Living Quality อย่างเท่าเทียม ไม่ว่ารายได้หรือสถานะทางสังคมจะเป็นอย่างไร ผ่านการออกแบบพื้นที่สาธารณะ พื้นที่สีเขียวใกล้บ้าน และระบบทางเท้าที่ปลอดภัย ซึ่งช่วยลดความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้างได้จริง

ผังเมืองกรุงเทพฯ ที่มีปัญหาหลายด้าน

ตัวอย่างโปรเจกต์ ‘กรุงเทพฯ เมืองเดินได้-เมืองเดินดี’
“เมื่อก่อนนิยามของเมืองที่ดีคือเมืองที่เติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นเครื่องจักรขับเคลื่อนทุนและแรงงาน…แต่ทุกวันนี้เราอยู่ในยุค Anthropocene คือยุคที่มนุษย์สร้างแรงสั่นสะเทือนให้โลก เกิดวิกฤตซ้อนวิกฤต ทั้งภูมิอากาศสุดขั้ว มลภาวะ และความเหลื่อมล้ำที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ การเข้าถึง Living Quality ที่ดีกลายเป็นสิทธิของคนแค่บางกลุ่มที่มีกำลังซื้อ
“เพราะฉะนั้นเมืองที่ดีในยุคนี้อาจต้องเปลี่ยนจากการมองแค่ ‘โตแค่ไหน’ มาเป็น ‘ทุกคนอยู่รอดได้ไหม และอยู่รอดดีแค่ไหน’ เมืองที่ดีคือเมืองที่ทำให้คนส่วนใหญ่ในเมือง “เข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดีได้” โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินหรือใช้ทรัพยากรจนเกินพอดี”
ใครสนใจอยากหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรเจกต์ต่างๆ ของ UddC สามารถเข้าไปดูได้ที่ https://www.UddC.net


