วันนี้ (10 ธันวาคม) ตั้งแต่เวลา 9.00 น. ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาสมัยวิสามัญ เริ่มพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ วาระ 2 ที่กรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว ซึ่งที่ประชุมจะพิจารณาต่อเนื่องไปจนถึงเวลาประมาณ 22.00 น. ของวันพรุ่งนี้ (11 ธันวาคม) จากนั้นจะพักไว้ 15 วัน ก่อนบรรจุเข้าสู่การประชุมร่วมกันของรัฐสภาในวาระ 3
เวลา 9.55 น. อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางเข้าร่วมการประชุม เช่นเดียวกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลายคนที่เป็น สส.
ประเด็นสำคัญของการพิจารณาอยู่ที่มาตรา 256/1 ว่าด้วยการกำหนดองค์กรที่จะทำหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่กรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยต่างลุกขึ้นอภิปรายสงวนความเห็น โดยยืนยันให้นำแนวคิดสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) จำนวน 151 คน กลับมา และยังมองว่า ‘สูตร 20 หยิบ 1’ นั้นยังมีข้อบกพร่อง เพราะเสี่ยงจะทำให้กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญถูกครอบงำด้วยเสียงข้างมากในรัฐสภา
“แม้เราจะใช้สูตร 20 หยิบ 1 สุดท้ายก็เป็นไปตามเสียงข้างมาก และเสียงข้างมากทำ 2 อย่างในคราวเดียวกัน คือยกร่าง และเห็นชอบร่างเลยก่อนเสนอให้รัฐสภาพิจารณา เบ็ดเสร็จอยู่ในตัว 35 คน กำหนดประเทศได้” นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว สส. น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการฯ ที่สงวนความเห็นกล่าว
เช่นเดียวกับ พริษฐ์ วัชรสินธุ์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้ยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยกับที่กรรมาธิการเสียงข้างมากตัดประเด็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และสภาที่ปรึกษา ที่มาจากการเลือกตั้งโดยอ้อมของประชาชน พร้อมย้ำว่า ไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด อีกทั้งยังยกหลักการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเข้ามาเปรียบเทียบ
“การเลือกนายกรัฐมนตรีเกิดจากประชาชนเข้าคูหาเลือกตั้ง สส. จากพรรคต่างๆ และผลการเลือกตั้งนั้นจะกำหนดว่ารัฐสภาจะเลือกนายกรัฐมนตรีจากแคนดิเดตคนไหน จึงไม่ต่างจากการเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญตามที่พรรคประชาชนเสนอ” พริษฐ์ระบุ
ต่อมาในเวลา 13.27 น. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบกับการแก้ไขของกรรมาธิการฯ เสียงข้างมาก ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 328 เสียง ไม่เห็นชอบ 266 เสียง งดออกเสียง 21 เสียง ไม่ลงคะแนน 3 เสียง
กล่าวคือ ที่ประชุมเห็นชอบกับการแก้ไขของกรรมาธิการฯ เสียงข้างมาก ที่ให้มีคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน และกรรมาธิการรับฟังความเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน 35 คน จากการคัดเลือกโดยรัฐสภา


















