“ผมใฝ่ฝันถึงสิ่งนี้มาอย่างยาวนาน”
คำพูดด้านบนคงไม่ต้องบรรยายรายละเอียดมากมายขนาดไหนว่าการคว้าแชมป์โลก F1 มีความหมายอย่างไรต่อ แลนโด นอร์ริส นักขับจากทีมแมคลาเรน วัย 26 ปี ที่คว้าแชมป์โลก F1 ประจำฤดูกาล 2025 ด้วยการมีแต้มเหนือ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน แชมป์คนเดิมจากทีม เรดบูลล์ เรซซิง แค่ 2 คะแนน
ความสำเร็จครั้งนี้ ทำให้ความฝันในวัยเด็กของเขาเป็นจริง และสิ่งที่พิสูจน์ความดีใจของเขาคือการมีน้ำตาไหลอาบแก้มในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
แลนโดต้องการเพียงการขึ้นโพเดียมในเรซสุดท้ายในศึก อาบูดาบี กรังด์ปรีซ์ เพื่อการันตีแชมป์โลกสมัยแรกที่เขารอคอย และการเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 3 ก็เติมเต็มความฝันนั้น
ความสำเร็จครั้งนี้ ทำให้แลนโดเป็นนักขับคนที่ 35 ที่คว้าแชมป์ได้ในประวัติศาสตร์ 75 ปี ของ F1 เขายังเป็นนักขับคนที่ 8 ที่คว้าแชมป์โลกกับทีมแมคลาเรน และเป็นคนแรกนับตั้งแต่ ลูอิส แฮมิลตัน ที่คว้าแชมป์กับทีมมะละกอในปี 2008
นักขับชาวอังกฤษยอมรับว่าการคว้าแชมป์โลกที่เขาไล่ตามมานานหลายปีนั้นเป็นความรู้สึกที่ ‘เหนือจริง’ และสะเทือนอารมณ์อย่างมาก เขากล่าวว่าเขาไม่ได้ร้องไห้มาสักพักแล้ว แต่เขาก็ร้องไห้ออกมา
นอร์ริสยังได้แสดงความขอบคุณอย่างยิ่งต่อทีมงานทุกคนที่แมคลาเรนและครอบครัวของเขา โดยเฉพาะพ่อแม่ที่ให้การสนับสนุนเขามาตั้งแต่ต้น นักขับวัย 26 ปี พร้อมกล่าวว่านี่คือความฝันที่เขาเฝ้าไล่ตามมาตลอด 16 หรือ 17 ปีที่ผ่านมา
ช่วงเวลา 16 หรือ 17 ปีก่อน คือช่วงเวลาที่เขาเริ่มต้นในเส้นทางสายความเร็ว โดยนอร์ริสเติบโตในเมืองแกลสตันเบอรี เขามีพ่อเป็นชาวอังกฤษ และแม่เป็นชาวเบลเยียมจากภูมิภาคแฟลนเดอร์ส เขาได้เริ่มอาชีพนักแข่งรถโกคาร์ตเมื่ออายุแปดขวบ
น่าแปลกใจอยู่บ้าง ที่แม้ว่าเขาจะเลือกเส้นทางในสายความเร็ว 4 ล้อ แต่ไอดอลของเขากลับเป็น วาเลนติโน รอสซี ตำนานนักบิดชาวอิตาเลียนในศึกโมโตจีพี แต่ในเวลาต่อมาเขาก็ยอมรับว่า เซอร์ลูอิส แฮมิลตัน ก็เป็นหนึ่งในไอดอลของเขาเช่นกัน
การมีนักขับระดับตำนานเป็นไอดอล ทำให้เขามีความฝันอย่างแรงกล้า ที่จะบรรลุความสำเร็จเช่นเดียวกับไอดอล และความฝันของเขาก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างในปี 2014 เมื่อคว้าแชมป์โลกโกการ์ตได้สำเร็จ
หลังจากนั้นแลนโดก็เข้าสู่เส้นทางที่หลายคนรู้กันดี เช่นการคว้าแชมป์ในรายการ MSA ฟอร์มูลา แชมเปียนชิปกับทีมคาร์ลินในปี 2015 แล้วเข้าร่วมกับทีม เรโนลต์ ยูโรคัพ แล้วคว้าแชมป์ F3 ยูโรเปียนคัพ ในปี 2017 ก่อนขึ้น F2 และเป็นรองแชมป์ในปี 2018 หลังจากนั้นก็ขึ้นมาสู่ศึก F1
ตลอดเส้นทางสายนี้ของนอร์ริส เขามีความฝันเป็นแรงผลักดันเสมอมา และร่วมหัวจมท้ายกับทีมแมคลาเรน มาตลอดนับตั้งแต่เป็นนักขับสำรองของทีมในปี 2018
ความฝันในการเป็นแชมป์โลกของนอร์ริสเกือบจะเป็นรูปเป็นร่างในปีก่อน หลังขับเคี่ยวในตารางคะแนนกับแม็กซ์อยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนที่สุดท้ายจะเป็นซูเปอร์แม็กซ์ ที่คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 4 ไปได้ แต่ในฤดูกาลนี้นั้นก็ถึงเวลาของเขาในที่สุด
แลนโดเปิดฤดูกาล 2025 ด้วยชัยชนะในศึกออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ และเป็นผู้นำคะแนนสะสมในช่วงสี่สนามแรก ก่อนที่ผู้นำจะเปลี่ยนมือเป็นของออสการ์
แม้ว่าแมคลาเรนจะมีนโยบาย ‘Papaya Rules’ ที่ไม่เลือกปฏิบัติต่อนักขับคนใดตราบใดที่พวกเขายังมีลุ้นแชมป์ แต่แลนโดก็เจอช่วงเวลาที่ยากลำบาก เช่น การชนกับออสการ์ในช่วงท้ายของ แคนาเดียน กรังด์ปรีซ์ และปัญหาแชสซีที่ ดัตช์ กรังด์ปรีซ์ ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม
ปัญหาเหล่านั้นทำให้เขาเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในฤดูกาลและความหวังในการคว้าแชมป์ดูเหมือนจะมลายหายไป โดยในช่วงนั้นเขาตามหลังออสการ์ถึง 34 คะแนน
แต่แลนโดสามารถกลับมาปิดช่องว่างคะแนนได้ เมื่อออสการ์ฟอร์มตกลงอย่างน่าใจหาย เขาจึงกลับมาเป็นผู้นำคะแนนอีกครั้งด้วยชัยชนะในเม็กซิโก กรังด์ปรีซ์ และการชนะอีกครั้งที่เชาเปาโล กรังด์ปรีซ์ ก็สร้างความมั่นใจให้เขาอย่างมาก
แลนโดกล่าวว่า “ผลงานที่ดีที่สุดของผมในปีนี้มาในช่วงที่ผมต้องการมากที่สุด” โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลที่เขาตกเป็นรอง
อย่างไรก็ตาม การกลับมาหลังศึกดัตช์ กรังด์ปรีซ์ของ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน ก็เป็นภัยคุกคามต่อการคว้าแชมป์โลกของแลนโดอย่างชัดเจน โดยเฉพาะหลังการโดนปรับ DQ ที่ลาสเวกัส และการพลาดโพเดียมที่กาตาร์ก็ทำให้ช่องว่างหลักร้อยคะแนน มาเหลือแค่ 12 แต้ม ก่อนการแข่งขันเรซสุดท้าย
การแข่งขันที่ยาส มารินา เซอร์กิต จึงเกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ที่ตึงเครียด เนื่องจากช่องว่างที่ลดลงจนแทบจะไม่มีช่องว่างให้ความผิดพลาดอีกต่อไป แถมในรอบควอลิฟาย ตำแหน่งโพลก็ยังตกเป็นของ แม็กซ์ โดยมี นอร์ริส อยู่ในอันดับที่สอง และ ออสการ์ ในอันดับที่สาม
แม้ช่วงต้นการแข่งขัน ออสการ์จะแซงแลนโดขึ้นไปรั้งที่ 2 แต่การแข่งขันก็ไม่มีอะไรพลิกโผ หลังแลนโดรักษาอันดับบนโพเดียมในอันดับ 3 ได้อย่างไม่เสียสมาธิ แม้ว่าช่วงหนึ่ง ชาร์ลส์ เลอแคลร์ นักขับโมนาโก จากเฟอร์รารี จะทำเวลากดดันขึ้นมา แต่สุดท้ายก็อ่อนแรงลงไปเอง และจบด้วยการตามหลังแลนโดถึง 6.7 วินาที
หลังได้แชมป์โลก แลนโดกล่าวว่าเขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้แข่งขันกับแม็กซ์และออสการ์ ซึ่งเป็นคู่แข่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาตลอดทั้งฤดูกาล และเขาก็ได้เรียนรู้จากพวกเขามาก
แลนโดยังกล่าวถึงเส้นทางที่ยาวนานกับแมคลาเรนที่อยู่ด้วยกันมาเกือบ 10 ปีแล้วด้วยว่า ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากและช่วงเวลาที่ดีมากมาย เขารู้สึกภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ของตัวเอง และนำตำแหน่งแชมป์ประเภทนักขับมาสู่ทีมเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
แลนโดได้ลงแข่งให้กับทีมมะละกอในเรซที่ผ่านมาเป็นเรซที่ 152 ซึ่งมากกว่านักขับคนใดๆ ของทีม แม้ว่าช่วงเริ่มต้นอาชีพของเขาจะยากลำบาก แต่ทั้งทีมและนักขับต่างก็เชื่อมั่นในกันและกัน
เขาได้รับการขยายสัญญาออกไปในปี 2022 และ 2024 แม้จะมีข้อเสนอจากทีมใหญ่อื่นๆ ตามรายงานในช่วงเวลานั้น ซึ่งความภักดีนี้ได้รับรางวัลเป็นตำแหน่งแชมป์โลก
เขาบอกว่าความสำเร็จนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของปีนี้ แต่เป็นช่วงเวลา 7-8 ปีที่อยู่กับทีม และ 16-17 ปีในชีวิตที่พยายามไล่ตามความฝันนี้มา
แลนโดยังสรุปว่า เขาเพียงแค่พยายามจะสนุกกับช่วงเวลานั้น และ “มีคนไม่มากนักในโลกนี้ รวมถึงในศึก F1, ที่จะได้สัมผัสกับสิ่งที่ผมได้สัมผัสในฤดูกาลนี้”
และนั่นคือบทสรุปการไล่ตามความฝันตลอด 16-17 ปี ของนักขับชาวบริติช ที่จบลงอย่าง Happy Ending หลังจบฤดูกาลนี้
อ้างอิง:
- https://www.espn.com/f1/story/_/id/47235062/emotional-lando-norris-celebrates-1st-f1-world-title
- https://www.formula1.com/en/video/ive-achieved-my-dream-lando-norris-first-in-depth-interview-as-the-2025-world-champion.1850885870052798680
- https://www.formula1.com/en/latest/article/ive-dreamed-of-this-for-a-long-time-norris-shares-emotional-reaction-to.67xqJKYyMr6vHBZLpDPtco
- https://www.sportsnet.ca/formula-1/article/f1-takeaways-norris-achieves-dream-becoming-world-champion/


