วันนี้ (7 ธันวาคม) พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นล่าสุด ซึ่งมีทหารไทยบาดเจ็บ 2 นาย โดยระบุว่า สถานการณ์เป็นไปตามที่กองทัพภาคที่ 2 ชี้แจง โดยสาเหตุมาจากฝ่ายกัมพูชายั่วยุก่อน ปัจจุบันสถานการณ์สงบแล้ว แต่ที่ผ่านมากัมพูชาเคลื่อนไหวยั่วยุฝ่ายไทยมาตลอด ฝ่ายไทยก็ได้แจ้งเรื่องไปยังรัฐบาลกัมพูชา
ส่วนกรณี พล.อ. เตีย เซ็ยฮา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา โพสต์เฟสบุ๊กว่า เวลา 14.15 น. กองทัพไทยเปิดฉากยิงถล่มกองกำลังกัมพูชา ที่ อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหาร โดยที่กองกำลังกัมพูชาไม่ได้โต้ตอบ และได้แจ้งกลุ่มผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ทราบ และวางแผนที่จะแนะนำให้ AOT สืบสวนเพื่อความยุติธรรม นั้น พล.อ. ณัฐพลระบุว่า รู้สึกผิดหวังอย่างยิ่งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา โพสต์ข้อความเร็ว แถลงเร็ว โดยปราศจากการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งที่หลักฐานคือทหารไทยถูกยิงบาดเจ็บ 2 นาย ก็เป็นที่ยืนยันว่ากัมพูชายิงก่อน
พล.อ. ณัฐพลยังบอกด้วยว่า นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งมาว่า ให้กองทัพว่าไปตามสถานการณ์และดำเนินการกฎการใช้กำลัง พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ทหารระมัดระวังด้วย
ทบ. ย้ำหลักฐานชัดเจนกัมพูชาเปิดฉากยิง
ในวันเดียวกัน สืบเนื่องจากที่ พล.ท. หญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา แถลงว่า เมื่อเวลา 14.15 น. กองกำลังทหารไทยเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน พื้นที่พลาญธม อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหาร โดยอ้างว่าไทยใช้ทั้งปืนเล็ก ปืนกล อาวุธ B-40 และปืน ค. 60 มม. พร้อมอ้างว่ากัมพูชาไม่ได้ยิงตอบโต้นั้น
พล.ต. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุว่า คำกล่าวของ พล.ท. หญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ไม่เป็นความจริง โดยข้อเท็จจริงคือ ทหารกัมพูชาได้นำกำลังเข้ามาในบริเวณพื้นที่ ภูผาเหล็ก–พลาญหินแปดก้อน อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ขณะฝ่ายไทยดำเนินการปรับปรุงเส้นทางในเขตไทย จากนั้นได้ยิงเข้าใส่ชุดรักษาความปลอดภัยของชุดปรับปรุงเส้นทาง จากนั้นฝ่ายไทยได้ทำการยิงปะทะตามกฎการใช้กำลัง และนำไปสู่การปะทะ
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้กำลังพลบาดเจ็บ 2 นาย ได้แก่ สิบเอก อนุชาติ เรือนคำ ถูกยิงบริเวณขา และ พลทหาร พรชัย จำปาจุม กระสุนถูกเสื้อเกราะบริเวณหน้าอก
ดังนั้น การที่กัมพูชาอ้างว่าไม่ได้ทำการยิงมานั้น ไม่เป็นความจริง และเป็นการกล่าวอ้างโดยปราศจากหลักฐาน ดังเช่นที่กัมพูชามักปฏิบัติทุกครั้งเมื่อเป็นผู้กระทำต่อฝ่ายไทยก่อน ขณะที่ฝ่ายไทยมีหลักฐานชัดเจนยืนยันทั้งเวลา สถานที่ และผลกระทบต่อกำลังพลของไทย


