ท่ามกลางภูมิทัศน์การลงทุนโลกที่กำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ปี 2026 เศรษฐกิจและตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงเผชิญกับความท้าทายรูปแบบใหม่ ซึ่งมี 10 Predictions สำคัญทางเศรษฐกิจที่จะมีผลกระทบต่อภาพการลงทุน รวมทั้งต้องเตรียมพร้อมรับมืออย่างไร
สิทธิชัย ดวงรัตนฉายา นักกลยุทธ์อาวุโสตลาดหุ้นไทยและต่างประเทศ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ (InnovestX) ระบุว่าในปี 2026 คาดการณ์ว่าจะมี 10 การคาดการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจ หรือ 10 Predictions ปี 2026 ดังนี้
เปิด 10 ปรากฏการณ์เศรษฐกิจโลกปี 2026:จาก Trade War สู่ K-Shape Recovery
สิทธิชัยประเมินภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคไว้ 10 ประเด็นสำคัญที่จะกำหนดทิศทางตลาดหุ้นโลก ดังนี้
- ตลาดหุ้นจะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) แต่จะเห็นสัญญาณการชะลอตัวลง ซึ่งยังสามารถลงทุนได้แต่ต้องคัดเลือกหุ้นมากขึ้น
- วัฏจักรการลดดอกเบี้ย (Easing) ของธนาคารกลางทั่วโลกน่าจะยุติลงในช่วงกลางปี หรือประมาณปลายไตรมาส 2 ถึงต้นไตรมาส 3 ซึ่งรวมถึงทิศทางดอกเบี้ยของไทยด้วย
- จีนจะหยุดการอัดฉีดเงินแบบหว่านแห และหันไปใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 ปีฉบับใหม่ที่เน้นการลงทุนเจาะจงในกลุ่ม Semiconductor มากกว่าการอุดหนุนทางการค้า (Trade-in Subsidies) แบบเดิม
- สงครามการค้า (Trade War) จะกลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ อาจใช้ความได้เปรียบทางการเมืองมาเป็นข้อต่อรองกับจีน ซึ่งจะประจวบเหมาะกับช่วงที่สัญญาแร่หายาก (Rare Earth Agreement) กำลังจะหมดอายุในเดือนตุลาคมพอดี
- ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลงจากการปรับลดดอกเบี้ยที่เร็วและแรงของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งหากประธาน Fed คนใหม่ลดดอกเบี้ยแรงอีก ความเชื่อมั่นอาจลดลง ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าและเป็นผลดีต่อตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets)
- K-Shape Recovery ที่ชัดเจนขึ้น ปรากฏการณ์ “คนจนจนลง คนรวยรวยขึ้น” จะรุนแรงขึ้น กลยุทธ์คือต้องเน้นหุ้นที่มี Pricing Power หรืออำนาจในการขึ้นราคาได้โดยไม่กระทบยอดขาย เช่น กลุ่มสินค้าหรูหรา (Luxury) อย่าง Benz, BMW หรือ Louis Vuitton ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจน้อยกว่า
- การเติบโตเข้าสู่ภาวะปกติ (Normalization) โดย เศรษฐกิจโลกยังเติบโตได้ โดยคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ โต 1.5%, เศรษฐกิจโลกโต 1.3% และเศรษฐกิจเอเชียโต 1.7% ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่ต่อเนื่อง
- ยุโรปฟื้นตัว นำโดยเยอรมนี ซึ่งเศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มดีขึ้น โดยเฉพาะเยอรมนีที่จะฟื้นตัวได้มากที่สุดในภูมิภาค
- ‘อินเดีย’ ไททันตัวใหม่ เศรษฐกิจอินเดียจะผงาดแซงหน้าญี่ปุ่น ขึ้นเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 4 ของโลก
- การเมืองร้อนแรง ต้องจับตาการเลือกตั้งกลางเทอม (Midterm Election) ของสหรัฐฯ และการเลือกตั้งในประเทศไทย ซึ่งจะมีผลต่อนโยบายเศรษฐกิจ
เจาะเทรนด์ Tech: หมดยุคเก็งกำไร Capex สู่ยุค ‘Earning Play’
ในฝั่งของหุ้นเทคโนโลยีที่เป็นตัวขับเคลื่อนโลก สิทธิชัยมองว่าปีหน้าจะมีความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่สำคัญ โดยเฉพาะการเปลี่ยนผ่านจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Capex) ไปสู่การสร้างรายได้จริง (Monetization) มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
- ชิป 1 นาโนเมตรมาแล้ว TSMC จะเปิดตัวเทคโนโลยี 1 นาโนเมตรในช่วงปลายปี ตามด้วย Samsung และ Intel ในปี 2027 พร้อมกับการพูดถึงเทคโนโลยีควอนตัม (Quantum) ที่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น
- จีนเร่งเครื่อง Semiconductor แม้จะถูกกีดกัน แต่จีนจะมีพัฒนาการก้าวกระโดด (Breakthrough) ทั้งด้าน Memory, เครื่องมือผลิตชิป และเทคโนโลยี Deep Seek
- AI เปลี่ยนโฉมสู่ภาคปฏิบัติ โลกจะเห็นการใช้งานหุ่นยนต์ (Robotics), Humanoid Robot และระบบอัตโนมัติ (Autonomous) มากขึ้น รวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้าน Cyber Security และ PC จะกลับมาฟื้นตัว
- เน้นกลุ่มหุ้น Earning Play ยุคของการเก็งกำไรจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Capex Play) จบลงแล้ว ตลาดจะหันมาโฟกัสหุ้นที่สร้างรายได้จาก AI ได้จริง หรือหุ้นที่มีกำไรเติบโตชัดเจน โดยเน้นกลุ่ม Magnificent 7 และหุ้นที่เกี่ยวเนื่อง เช่น Space Exploration
- สงครามยุคใหม่ กลุ่ม Defense หรือการป้องกันประเทศยังน่าสนใจ แต่รูปแบบจะเปลี่ยนจากอาวุธดั้งเดิมอย่างรถถัง เป็นระบบป้องกันภัยทางอากาศ (Air Defense System) เพื่อรองรับสงครามสมัยใหม่ เช่นในไต้หวันและเกาหลี
กลยุทธ์หุ้นไทย ลุ้น Q1 ไปต่อ รอจังหวะ ‘ของถูก’ เมื่อหลุด 1,200 จุด
สำหรับตลาดหุ้นไทย สิทธิชัยวางฉากทัศน์ (Scenario) แบ่งตามไตรมาสไว้ดังนี้:
- ในไตรมาส 1/2026 มีมุมมองเชิงบวก คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,350-1,400 จุด รับอานิสงส์จากดอกเบี้ยขาลง การฟื้นตัวของกำไรบริษัทจดทะเบียน และสถิติ Pre-election Rally ในช่วง 3 เดือนก่อนเลือกตั้งที่มักดันตลาดไทยขึ้นได้ 2-3%
- ในไตรมาส 2/2026 การลงทุนต้องระมัดระวังมากขึ้น เพราะดอกเบี้ยอาจเริ่มหยุดลด จีนหยุดกระตุ้นเศรษฐกิจ และเข้าสู่ Low Season ของภาคท่องเที่ยว แนะนำให้ขายทำกำไร (Take Profit) แล้วสลับเงินไปกลุ่ม Defensive ที่มีอำนาจกำหนดราคาได้ เช่น โรงพยาบาล (Healthcare), ค้าปลีก (Commerce) และสื่อสาร (ICT)
- ในไตรมาส 3/2026 ภาพบรรยากาศในตลาดหุ้นไทยอาจดูขมุกขมัวจากความกังวลเรื่องสงครามการค้าและเศรษฐกิจชะลอตัว แต่หากเศรษฐกิจไม่ถดถอย (Non-Recession) กลุ่มธนาคาร (Bank) อาจเป็นจุดกลับตัวที่น่าสนใจเมื่อดอกเบี้ยหยุดลด
- ไตรมาส 4/2026 ตลาดจะฟื้นตัวรับข่าวหลังจบการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ รัฐบาลใหม่ของไทยเริ่มเบิกจ่ายงบลงทุน และเทคโนโลยีใหม่จาก TSMC มีชิป 1 นาโนเมตร เปิดตัว ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนของกลุ่มเทคโนโลยีอีกครั้ง
สิทธิชัย ระบุว่า ระดับดัชนีที่ 1,200 จุด หรือต่ำกว่า ถือเป็น Good Entry Point สำหรับนักลงทุนที่รอจังหวะสะสมหุ้น โดยมองว่าแม้ตลาดจะมีความผันผวน แต่ยังคงแนะนำให้ Stay Invested หรืออยู่ในตลาดต่อไป โดยเน้นเลือกหุ้นรายตัวอย่างระมัดระวัง และจับตาจังหวะการเข้าซื้อในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ของปีหน้า


