วันนี้ (2 ธันวาคม) ปีเตอร์ หลัน ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประจำประเทศไทย ประกาศจัดตั้งแพลตฟอร์มบริการบุคลากรด้านเทคโนโลยีไต้หวัน-ไทย เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการชาวไต้หวันในประเทศไทยในการแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากร และช่วยพัฒนาทักษะบุคลากรไทยเพื่อป้อนซัพพลายเชนเทคโนโลยี โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแผงวงจรพิมพ์ (PCB) ที่ปัจจุบันมีผู้ประกอบการไต้หวันมาลงทุนในไทยเป็นจำนวนมาก
ในกิจกรรมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม การศึกษา และหน่วยงานภาครัฐจากไต้หวัน ณ The Bangkok Club กรุงเทพฯ มีการเน้นย้ำถึงหนึ่งในปัญหาสำคัญที่ทุกฝ่ายกำลังเผชิญนั่นคือ การขาดแคลนแรงงานทักษะสำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยเฉพาะกลุ่มที่สำเร็จการศึกษาในสาขา STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์) ซึ่งแพลตฟอร์มใหม่ที่จัดตั้งขึ้นนี้จะช่วยประสานความต้องการร่วมกันระหว่างฝ่ายไทย ผู้ประกอบการชาวไต้หวันและภาคส่วนอื่นๆ เพื่อแก้ไขปัญหาบุคลากรไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ประกอบการชาวไต้หวัน

สำหรับกิจกรรมครั้งนี้ ทางสำนักงานฯ ได้เชิญผู้ประสานงานจากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติผิงตง (NPUST) ในไต้หวัน ซึ่งได้ก่อตั้ง “ศูนย์ความร่วมมือแลกเปลี่ยนบุคลากรนานาชาติไต้หวันประจำประเทศไทย เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มาร่วมแบ่งปันเกี่ยวกับ ‘โครงการศึกษาพิเศษเพื่อพัฒนาบุคลากรอุตสาหกรรมระหว่างประเทศ’ (International Industrial Talents Education Special Program (INTENSE Program)) ของกระทรวงศึกษาธิการไต้หวัน
นอกจากนี้ ยังมีการเชิญสมาคมแผงวงจรพิมพ์ไต้หวัน (TPCA) มาแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับการก่อตั้ง ‘สถาบันแผ่นวงจรพิมพ์ไต้หวันในไทย’ และความร่วมมือด้านบุคลากรกับฝ่ายไทยด้วย โดยสำนักงานไทเปฯ คาดหวังว่าการจัดตั้งแพลตฟอร์มนี้ จะช่วยเร่งการเชื่อมโยงและความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย ภาคอุตสาหกรรม และสถาบันการศึกษา อีกทั้งสร้างแรงผลักดันใหม่ๆ ให้กับธุรกิจของผู้ประกอบการชาวไต้หวันที่มาดำเนินกิจการในประเทศไทยอีกด้วย
สำนักงานฯ ระบุว่า การจัดตั้งแพลตฟอร์มนี้นอกจากจะสอดคล้องกับแนวคิด ‘การทูตเชิงบูรณาการ’ ของหลินเจียหรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไต้หวันแล้ว ยังเป็นการประกาศว่าสำนักงานฯ จะรวบรวมสรรพกำลังของภาครัฐ ภาคสถาบันการศึกษาและผู้ประกอบการชาวไต้หวัน เพื่อหารือเพิ่มเติมกับฝ่ายไทยเกี่ยวกับการพัฒนาบุคลากร และหาแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องการขาดแคลนบุคลากรอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของไต้หวันต่างได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ และมีการย้ายมาลงทุนในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (อุปกรณ์), ปัญญาประดิษฐ์ (การประกอบเซิร์ฟเวอร์) และแผงวงจรพิมพ์ (PCB) ซึ่งสอดรับกับเป้าหมายสาขาการลงทุนที่รัฐบาลไทยต้องการจะดึงดูดบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุน
ทั้งนี้ปี 2024 มูลค่าการลงทุนของผู้ประกอบการชาวไต้หวันที่ได้รับอนุมัติให้เข้ามาลงทุนในไทยอยู่ที่ประมาณ 15.38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งทำให้ไต้หวันกลายเป็นชาติที่มีมูลค่าการลงทุนในไทยมากเป็นอันดับที่ 4 โดยอุตสาหกรรมโดดเด่นคือแผงวงจรพิมพ์ (PCB) ซึ่งมีผู้ประกอบการชาวไต้หวันตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำเข้ามาลงทุนในไทยมากกว่า 60 แห่ง และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทำให้เกิดการจ้างแรงงานกว่า 10,000 ตำแหน่ง
สำหรับแพลตฟอร์มบริการบุคลากรด้านเทคโนโลยีไทย-ไต้หวัน มีช่องทางติดต่อผ่านอีเมล [email protected] และเบอร์โทร 02-119-3555 ต่อ 386


