ความงามที่ยั่งยืนต้องมาจาก ‘ผิวสุขภาพดี’ นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ใครก็รู้ แต่น้อยคนที่จะเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า การสร้างหรือฟื้นฟูผิวให้มีสุขภาพดีอย่างยั่งยืนต้องเริ่มต้นอย่างไร หรือในยุคที่เรามีทางลัดในการฟื้นฟูผิวให้เลือกมากมาย ทางเลือกไหนดี ‘สำหรับเรา’ ที่สุด
เวลาพูดถึงเรื่อง ‘Skin Health’ ชื่อของ ‘Viva Clinic’ คือหนึ่งในคลินิกความงามที่ได้รับการกล่าวถึงเสมอ เพราะ หมอแป๊ก – พญ.นวพร ผิวผัน และหมอหยิน – พญ.ศันสนีย์ สฤษดิ์เวชวรกุล ก่อตั้งที่นี่ด้วยความตั้งใจที่จะ ‘ดูแลทุกคนเหมือนคนในครอบครัว’ จึงมอบการดูแลรักษาที่ ‘เคารพความงามตามธรรมชาติของคนไข้’ โดยมีความเชื่อที่ว่า ทุกคนมีความงามและมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง แต่ในทุกรูปแบบความงาม จะให้ความสำคัญกับการรักษาแบบ Hyper-Personalization โดยไม่มีแพ็กเกจสำเร็จรูป สิ่งสำคัญที่สุดต้องเริ่มต้นด้วยการมี ‘Skin Health’ หรือผิวสุขภาพดี

หมอแป๊ก – พญ.นวพร ผิวผัน
และถ้าจะสร้างหรือฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงเชิงลึก จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดูแลคนไข้ด้วย ‘3 ใจ’ ซึ่งเป็น Core Value ที่ทำให้ Viva Clinic ยืนระยะในใจคนไข้มาตลอด 14 ปี ได้แก่ ‘เข้าใจ’ ความต้องการอย่างแท้จริง ‘ใส่ใจ’ ทุกรายละเอียด และ ‘จริงใจ’ ต่อทุกผลลัพธ์
สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ การลงทุนกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับ Gold Standard ที่ครบถ้วน ตั้งแต่การวิเคราะห์เพื่อวางแผนการรักษา เพื่อตอบโจทย์ทุกการรักษาได้อย่างตรงจุดและวัดผลได้จริง นำไปสู่การยกระดับตัวเองเป็น ‘Aesthetic Curator’ คัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้คุณเหมือนคนในครอบครัว ก้าวสู่การเป็น ‘Holistic Aesthetic Wellness’ มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพผิวและความงามแบบองค์รวม โดยมีหลักการคือความงามที่ยั่งยืนต้องมาจากผิวสุขภาพดี ที่ผ่านการวิเคราะห์ผิวอย่างละเอียดด้วยเครื่องมือมาตรฐานทางการแพทย์
แต่การจะเป็น ‘Aesthetic Curator’ ที่ได้รับความไว้วางใจ หมอแป๊ก บอกว่า ต้องพิถีพิถันตั้งแต่การคัดสรรนวัตกรรม เครื่องมือ การออกแบบบริการและประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการและครอบคลุมทุกปัญหา “หัวใจสำคัญคือเทคนิค ต่อให้มีเครื่องมือที่ดี แต่ถ้าเทคนิคไม่ดีก็ไม่สามารถสะท้อนผลลัพธ์ที่ดีที่สุดออกมาได้”

หมอหยิน – พญ.ศันสนีย์ สฤษดิ์เวชวรกุล
หมอหยิน บอกว่า สิ่งที่ Viva Clinic ยึดถือมาตลอดคือ การคัดสรรและดีไซน์การรักษาที่เหมาะกับแต่ละบุคคล “ต่อให้คนไข้เดินมาเพราะมีปัญหาเรื่องความหย่อนคล้อยเหมือนกัน แต่วิธีแก้ปัญหาไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือหรือเทคนิคเดียวกัน เป็นเหตุผลที่เราจะต้องดีไซน์การรักษาเฉพาะบุคคล”
ดีไซน์การรักษาเฉพาะบุคคลด้วย ‘3ใจ’
เป็นข้อได้เปรียบที่ Viva Clinic มีแนวคิดที่จะดูแลทุกคนเหมือนคนในครอบครัวอยู่แล้ว ดังนั้นในทุกขั้นตอนการค้นหาต้นตอของปัญหาเพื่อนำมาดีไซน์การรักษาเฉพาะบุคคลต้องประกอบไปด้วย 3 ใจ เข้าใจ ใส่ใจ และจริงใจ

“ต้องทำ ‘ความเข้าใจ’ คนไข้ให้ลึกซึ้ง ถ้าเราไม่เข้าใจคนไข้ จะไม่รู้เลยว่าจริงๆ แล้วอะไรคือสิ่งที่เขากังวล” หมอแป๊ปบอกว่า บ่อยครั้งที่ลูกค้าเข้ามาโดยที่ยังไม่รู้ความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง “บางคนเห็นเพื่อนทำแล้วสวยก็อยากทำ แต่เราจะคุยกับคนไข้ก่อนเสมอว่า จริงๆ แล้วอะไรคือสิ่งที่เขากังวล เราถึงจะแนะนำได้ว่าวิธีไหนแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดและเห็นผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพกว่า”
“การเลือกการรักษาที่ดีที่สุดให้กับคนไข้คือ ‘ความจริงใจ’ บางจุดคนไข้ยังไม่มีปัญหา เราก็แนะนำไปตรงๆ เลยว่าไม่ต้องทำตอนนี้ และเลือกการรักษาที่ตรงกับปัญหาให้กับคนไข้ก่อน ผลลัพธ์จะได้ประมาณไหนก็บอกตรงๆ ไม่โอเวอร์เคลม” หมอหยินบอกว่า ในทุกขั้นตอนตั้งแต่การให้บริการและการรักษาต้องมี ‘ความใส่ใจ’ ในทุกดีเทล
“อย่างที่บอกแต่ละคนมีปัญหาและรูปหน้าที่ต่างกัน ต่อให้ใช้เครื่องมือเดียวกันแต่อาจต้องใช้เทคนิคที่ต่างไป นี่คือสิ่งที่เราต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพื่อให้คนไข้ยังคงความเป็นธรรมชาติในแบบของตัวเอง การรักษาของ Viva Clinic จึงเป็นแบบ Tailor Made อย่างแท้จริง”
เครื่องมือที่ครบครันระดับ Gold Standard ทำให้จัดการได้กับทุกปัญหา
ทว่าการจะเข้าใจปัญหาผิวแบบลงลึกถึงต้นตอของปัญหา การพูดคุย ซักถามข้อกังวล หรือประเมินด้วยตาเปล่าอาจไม่เพียงพอ และต่อให้ค้นพบว่าตัวการที่ทำให้คนไข้กังวลคืออะไร ถ้าไม่มีเครื่องมือที่ครบครันก็อาจทำให้การแก้ปัญหาได้ผลลัพธ์ที่ไม่เต็มประสิทธิภาพ
Viva Clinic จึงลงทุนในเทคโนโลยีระดับสูง ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อให้การวางแผนรักษาไปจนถึงการรักษา แพทย์สามารถเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมตามปัญหาได้อย่างตรงไปตรงมา สร้างผลลัพธ์ที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพสูงสุด

“เราน่าจะเป็นคลินิกแรกที่นำนวัตกรรม Quantificare LifeViz จากฝรั่งเศส ซึ่งเป็นกล้อง 3D Analysis ที่ปกติจะใช้ในโรงเรียนแพทย์สำหรับศึกษาเรื่องผิวโดยเฉพาะ แต่เรานำมาช่วยวิเคราะห์สภาพผิวแบบลงลึกในทุกมิติ เป็นการสร้างภาพ 3D โครงหน้าทำให้สามารถวิเคราะห์ปัญหาได้ครบทั้ง 5 มิติ ได้แก่ Tightness (ความตึงกระชับ), Facial Contouring (โครงหน้า), Glowing Skin Texture (ความกระจ่างใส), Smooth Toning (ความเรียบเนียน) และ Texture Skin (พื้นผิวโดยรวม) จึงสามารถวางแผนการรักษาได้ตรงจุด ที่สำคัญคนไข้จะเห็นได้ว่าตัวเขาเองมีปัญหาตรงไหน” หมอแป๊กยังบอกด้วยว่า ข้อดีของ Quantificare LifeViz คือการสร้างผลลัพธ์ที่วัดผลได้จริง “มันช่วยคอนเฟิร์มว่าสิ่งที่เรามอบให้คนไข้เห็นผลจริง ไม่ใช่แค่ความรู้สึกว่าผิวดีขึ้น”
อาจเรียกได้ว่าตอนนี้ Viva Clinic เป็นหนึ่งในคลินิกความงามที่รวบรวม Aesthetic Architecture Kit ที่ครบครันที่สุด หมอแป๊กบอกถึงเหตุผลที่เลือกลงทุนกับนวัตกรรมว่า “การมีเครื่องมือที่ครบครับ ทำให้เราสามารถจัดการได้กับทุกปัญหา ไม่ว่าคนไข้กังวลเรื่องอะไร เราสามารถเลือกการรักษาได้อย่างตรงไปตรงมา”
หมอหยินบอกว่า การรักษาตามไทม์ไลน์และขั้นตอนที่ควรจะเป็น จำนวนโดสที่เหมาะสม และเทคนิคที่ปรับไปตามปัญหาเฉพาะบุคคลล้วนมีผลต่อการรักษาทั้งสิ้น

นวัตกรรมสร้าง ‘รากฐานผิวที่แข็งแรง’
นอกจากเครื่องมือสุดล้ำ อีกหนึ่งสิ่งที่เข้ามาเติมเต็มการสร้างสุขภาพผิวที่แข็งแรงก็คือ โปรแกรม Profhilo นวัตกรรมกลุ่มงานฉีดในรูปแบบ Bio-Remodeling Agent ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินจากภายในอย่างล้ำลึก เหมือนเป็นการสร้างธนาคารคอลลาเจนให้กับผิว เมื่อผิวมีคอลลาเจนก็จะมีความยืดหยุ่น แน่นกระชับ
“โปรแกรม Profhilo เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่จะเข้ามาทำให้การรักษาและดูแลผิวองค์รวมให้กับคนไข้ครบทุกมิติมากยิ่งขึ้น ซึ่งตรงกับแนวคิดของ Viva Clinic ที่เน้น Skin Health เพราะผิวที่มีคอลลาเจนคือจุดเริ่มต้นของผิวสุขภาพดี” หมอหยินกล่าว

สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจว่าจะเลือกนวัตกรรมหรือเครื่องมือไหนดี หมอหยินและหมอแป๊ก บอกว่า นวัตกรรมความงามที่ผ่านการพิสูจน์และวิจัยว่าปลอดภัยในท้องตลาดอาจไม่เหมาะหรือไม่จำเป็นกับทุกคน ควรเลือกเฉพาะสิ่งที่เหมาะกับเราจริงๆ
“แนะนำให้ตรวจวิเคราะห์ปัญหาผิวก่อน เพื่อที่หมอจะได้เลือกเครื่องมือ นวัตกรรมและเทคนิคที่แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ”
“เพราะถ้าคุณจะเลือกลงทุนในความงาม การลงทุนสร้าง ‘ผิวสุขภาพดี’ คือการลงทุนที่มีคุณภาพและยั่งยืนที่สุด”


