จากการเปิดเผยข้อมูลสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ และอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ณ วันที่ 26 พฤศจิกายน ของ ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทาน ชี้ให้เห็นถึงความรุนแรงของสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่มีสัญญาณที่ดีว่ามหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นกำลังจะคลี่คลายลง
7 จังหวัดภาคใต้เผชิญน้ำท่วมหนัก
ดร.ธเนศร์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาคใต้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องจากร่องความกดอากาศต่ำและลมมรสุมจากอ่าวไทย แต่ปริมาณฝนเริ่มลดลง ส่งผลให้สถานการณ์อุทกภัยในภาพรวมมีแนวโน้มคลี่คลาย
- พื้นที่ประสบภัย: มี 7 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ได้แก่ ยะลา, ปัตตานี, นราธิวาส, สตูล, พัทลุง, สงขลา, และนครศรีธรรมราช
- จังหวัดฝนหนัก: พบปริมาณฝนตกหนักในพื้นที่ สงขลา, พัทลุง, ยะลา
- คาดการณ์ฝน: กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าปริมาณฝนในภาคใต้จะค่อยๆ ลดลงในช่วงสัปดาห์หน้า และลดลงอย่างต่อเนื่องใน 3-7 วันข้างหน้า (คาดการณ์ไม่เกิน 100 มิลลิเมตร)

เจาะลึกวิกฤต ‘หาดใหญ่’ ทำไมน้ำจึงท่วมรุนแรงที่สุด
อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เผชิญกับสถานการณ์น้ำท่วมที่รุนแรงและเป็นประวัติการณ์ ด้วยหลายปัจจัยที่มาบรรจบกัน
- ปริมาณฝนสุดวิสัย: วันที่ 21 พฤศจิกายน มีปริมาณฝนสูงถึง 370 มิลลิเมตร ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากมาก หรือเรียกว่า ‘รอบปีการเกิดซ้ำ 300 ปี’ (โอกาสเกิด 1 ใน 300)
- ระดับน้ำสูงสุดเป็นประวัติการณ์: เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 ระดับน้ำที่สถานี X.44 (บริเวณอำเภอหาดใหญ่) วัดความสูงได้ถึง 9.97 เมตร ซึ่งเป็นระดับน้ำที่สูงที่สุดที่เคยมีมา แซงสถิติเดิมเมื่อปี 2553 ที่ 9.10 เมตร
- เกินศักยภาพการรับน้ำ:
-
- สาเหตุหลัก: น้ำจากคลองอู่ตะเภา, คลองหวะ, และฝนที่ตกหนักบนเขาคอหงส์ ไหลมารวมกัน ประกอบกับพื้นที่อำเภอหาดใหญ่เป็นพื้นที่ราบลุ่ม ทำให้เกินศักยภาพการระบายน้ำของพื้นที่
- คลอง ร.1 รับน้ำไม่ไหว: ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าสู่ประตูระบายน้ำคลอง ร.1 สูงถึง 1,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งเกินกว่าศักยภาพที่ออกแบบไว้ที่ 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
- คลองอู่ตะเภาล้น: คลองอู่ตะเภา ซึ่งมีศักยภาพรับน้ำประมาณ 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ก็เกินความสามารถเช่นกัน
“ปริมาณน้ำที่บวกให้ดูตอนแรก มันมากกว่าศักยภาพจริงๆ ทําให้สุดวิสัยในการบริหารจัดการ ท่วมแม้กระทั่งอาคารทําให้เกินความจุไป” ดร.ธเนศร์กล่าว

ข่าวดี: แนวโน้มสถานการณ์คลี่คลาย
สถานการณ์น้ำในหาดใหญ่เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยคาดการณ์ว่าระดับน้ำจะลดลงและเข้าสู่ภาวะปกติในเร็ววันนี้ หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มเติม:
- ระดับน้ำลดลงต่อเนื่อง: ระดับน้ำในคลองอู่ตะเภาที่ไหลผ่านเทศบาลนครหาดใหญ่ ลดลงจากสูงสุด 9.97 เมตร (25 พฤศจิกายน) เหลือ 8.34 เมตร (16.00 น. วันที่ 26 พฤศจิกายน)
- ผ่านจุดสูงสุดแล้ว:
-
- ลุ่มน้ำอู่ตะเภา (X.173) ผ่านจุดสูงสุดเมื่อ 02.00 น. วันที่ 25 พฤศจิกายน และลดลงอย่างรวดเร็ว
- คลองหวะ ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว
- ตัวเมืองหาดใหญ่ (X.44) ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว
- คาดการณ์กลับสู่ระดับตลิ่ง:
-
- ลุ่มน้ำอู่ตะเภา (X.173): คาดว่าจะต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 20.00 น. ในคืนนี้ (26 พฤศจิกายน)
- คลองหวะ: คาดว่าจะต่ำกว่าตลิ่งวันที่ 27 พฤศจิกายน เวลาประมาณ 15.00-17.00 น.
- ตัวเมืองหาดใหญ่ (X.44): คาดว่าจะต่ำกว่าตลิ่งวันที่ 27 พฤศจิกายน เวลาประมาณ 00.00-02.00 น.

แผนเร่งระบายน้ำและการฟื้นฟู
เพื่อเร่งระบายน้ำ ดร.ธเนศร์กล่าวว่า กรมชลประทานได้เตรียมแผนเข้าดำเนินการทันทีที่น้ำในคลองสาขาหลักลดลง
- การติดตั้งเครื่องจักร: ได้มีการเตรียมเครื่องจักรไว้สำหรับภาคใต้รวม 1,143 เครื่อง และติดตั้งไปแล้ว 183 เครื่อง สำหรับพื้นที่หาดใหญ่จะมีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำเพิ่มเติมเมื่อสถานการณ์เหมาะสม เพื่อสูบน้ำที่ท่วมขังกลับเข้าระบบคลองหลัก
- การแจ้งเตือน: มีการประสานงานกับท้องถิ่นเพื่อแจ้งเตือนระดับน้ำอย่างต่อเนื่อง
- การฟื้นฟู: คาดการณ์ว่าในคืนนี้ (26 พฤศจิกายน) หลายพื้นที่ในหาดใหญ่จะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติและใช้ชีวิตได้บ้าง ส่วนการฟื้นฟูเต็มรูปแบบยังอยู่ระหว่างการประเมิน
แนวทางป้องกันระยะยาว
สำหรับเมืองหาดใหญ่ การป้องกันในระยะยาวจะต้องมีการศึกษาเพื่อเพิ่มศักยภาพในการระบายน้ำเพิ่มเติม เช่น การเพิ่มอุโมงค์ระบายน้ำหรือการขยายคลอง เพื่อรับมือกับปริมาณฝนที่รุนแรงเช่นนี้ในอนาคต
ขอให้ประชาชนในพื้นที่ติดตามข่าวสารและข้อมูลระดับน้ำจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด


