หาดใหญ่เกิดสถานการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ จากฝนที่ตกหนักตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งกรมชลประทานระบุไว้ว่าปริมาณน้ำฝนที่เป็นสาเหตุของน้ำท่วมใหญ่ในครั้งนี้ ถือเป็นฝนที่หนักที่สุดในรอบ 300 ปี โดยปริมาณน้ำฝนสะสมในอำเภอหาดใหญ่ 3 วันนับตั้งแต่ 19-21 พฤศจิกายน 2568 วัดได้สูงสุดถึง 630 มม. อุทกภัยใหญ่ในครั้งนี้จึงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเพียงเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบกับชีวิตของประชาชนในหลายจังหวัดภาคใต้จำนวนมาก

สาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในครั้งนี้ เกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งอาจเห็นได้จากสื่อหลายสำนักที่มีการหยิบยกคำศัพท์หนึ่งขึ้นมานิยามลักษณะของฝนที่ทำให้เกิดน้ำท่วมที่หาดใหญ่อย่าง ‘Rain Bomb’ หรือ ‘ระเบิดฝน’ ซึ่งเป็นคำศัพท์ที่ไม่ได้ถูกใช้ในทางอุตุนิยมวิทยาอย่างเป็นทางการ แต่ก็เป็นคำที่หลายคนเลือกนำมาใช้อธิบายให้เห็นภาพ แล้วระเบิดฝนมันคืออะไร? เกิดจากอะไร? และมันใช่สาเหตุของน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้หรือไม่?
‘ระเบิดฝน’ คืออะไร?
จากคำอธิบายของ ผศ. ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อธิบายผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า Rain Bomb หรือระเบิดฝน เป็นคำศัพท์ที่ใช้อธิิบายปรากฏการณ์ฝนตกหนักระดับ 100-200 มม. หรือมากกว่านั้นในช่วงสั้นๆ โดยมีปัจจัยธรรมชาติ 3 อย่างในครั้งนี้ ได้แก่ ลานีญา ร่องมรสุม และภาวะโลกร้อน

ภาพอธิบายปรากฏการณ์ เอลนีโญ และลานีญา
ภาพ: กรมชลประทาน
ลานีญา เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากการกระแสลมจากด้านตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกพัดมายังด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งกระแสลมนี้มีความรุนแรงมากกว่าปกติ และพัดพากระแสน้ำอุ่นให้ไหลมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น บริเวณภูมิภาคนี้จึงมีระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น เมื่อน้ำทะเลระเหยขึ้นเป็นเมฆฝน จึงมีปริมาณฝนที่ตกหนักมากขึ้นกว่าปกติ
ส่วนร่องมรสุม หมายถึงร่องความกดอากาศต่ำ หรือหมายถึงโซนแคบๆ ที่เป็นแนวพาดขวางในทิศตะวันออกและทิศตะวันตกที่มีลมพัดผ่าน โดยร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณไหนจะทำให้บริเวณนั้นเกิดฝนตกหนัก ซึ่งปกติแล้วร่องมรสุมจะมีการเลื่อนขึ้นลงได้ตามแนวการโคจรของดวงอาทิตย์ แต่ในครั้งนี้ ร่องมรสุมกลับพาดผ่านอยู่บริเวณภาคใต้ตอนล่างเป็นเวลานาน ไม่ขยับไปไหน ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักบริเวณภาคใต้มากกว่าปกติ

ภาพปรากฏการณ์ Microburst ที่เกิดจากกระแสลมพุ่งลงอย่างรวดเร็ว
ภาพ: huw-ogilvie
ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ ภาวะโลกร้อน ซึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้มหาสมุทรมีอุณหภูมิสูงขึ้น ปริมาณน้ำที่ระเหยมีมากขึ้น เมฆมีความชื้นสูงมากขึ้น รวมถึงอากาศที่อุ่นนั้นสามารถกักเก็บไอน้ำได้มากขึ้นประมาณ 7% ต่อองศาเซลเซียสที่เพิ่มขึ้น ทำให้ในชั้นบรรยากาศเกิดการสะสมของปริมาณความชื้นจำนวนมาก เมื่อเกิดฝนตกจึงเกิดระเบิดฝน คล้ายกับฟ้ารั่วที่มีการปลดปล่อยน้ำปริมาณมหาศาลลงมาจากฟ้าในเวลาอันสั้น ทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่อย่างที่ได้เห็นกัน
โดยระเบิดฝนนั้นถือเป็นปัญหาในด้านอุตุนิยมวิทยาอย่างมาก เนื่องจากมันค่อนข้างสังเกตยาก โดย ผศ.ดร.ภาณุ ตรัยเวช ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตุนิยมวิทยาและสภาพอากาศ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เคยให้ข้อมูลว่า เมฆที่เป็นต้นกำเนิดของระเบิดฝนมีลักษณะที่ไม่ได้แตกต่างจากเมฆฝนทั่วไป ซึ่งส่งผลกระทบต่อวงการต่างๆ ที่ต้องเฝ้าระวังการเกิดฝนในลักษณะนี้ หนึ่งในนั้นคือ อุตสาหกรรมการบิน ซึ่งนักอุตุนิยมวิทยาเพื่อการบินมีการศึกษาเรื่องนี้เยอะมาก เพราะมันส่งผลต่อความปลอดภัยในการบิน เช่น การที่เกิดลมพัดลงขณะที่เครื่องบินกำลังจะขึ้น ทำให้หัวเครื่องบินถูกกดลงมาจนไม่สามารถเอาเครื่องขึ้นได้
สาเหตุหลักของน้ำท่วมภาคใต้คือ ‘ฝนแช่’ ไม่ใช่ ‘ระเบิดฝน’
อย่างที่อธิบายไป ระเบิดฝนนั้นถูกใช้อธิบายปรากฏการณ์ฝนตกหนักระดับ 100-200 มม. หรือมากกว่านั้นในช่วงสั้นๆ ซึ่งคำว่าระเบิดนั้น นอกจากหมายถึงปริมาณน้ำฝนที่มากแล้ว อาจหมายถึงลมที่พัดน้ำฝนกระแทกพื้นดินอย่างรุนแรงด้วยเป็นก้อนเดียวในเวลาอันสั้น ซึ่งระยะเวลาสั้นนี้กินเวลาประมาณ 15-60 นาที จนเกิดเป็นน้ำท่วมฉับพลันได้จากการที่ระบายน้ำได้ไม่ทัน
เนื่องจากระเบิดฝน ยังไม่ใช่คำศัพท์ที่นักวิชาการใช้กันจริงๆ ตัวนิยามคำว่า ‘เวลาอันสั้น’ จึงอาจจะไม่เท่ากันแล้วแต่การตีความ แต่ลักษณะฝนที่ตกในบริเวณภาคใต้ จนเกิดเป็นน้ำท่วมใหญ่ในปี 2568 นี้มีลักษณะฝนตกทุกวัน ตั้งแต่
• วันที่ 19 พฤศจิกายน ฝนตก 155 มม.
• วันที่ 20 พฤศจิกายน ฝนตก 146.8 มม.
• วันที่ 21 พฤศจิกายน ฝนตก 370.2 มม.
• วันที่ 22 พฤศจิกายน ฝนตก 139.6 มม.
• วันที่ 23 พฤศจิกายน ฝนตก 143.8 มม.
• วันที่ 24 พฤศจิกายน ฝนตก 262 มม.
รวมแล้วทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 17-24 พฤศจิกายน ตามข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยาวัดปริมาณน้ำฝนที่อำเภอหาดใหญ่ได้ 1,120.6 มม. ซึ่งถือว่าเยอะมาก จากการสะสมของปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาตลอดหลายวัน นิยามของระเบิดฝนที่ว่าฝนตกหนักมากในเวลาอันสั้นจึงดูจะไม่ตรงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ครั้งนี้
อีกหนึ่งในคำศัพท์ที่สามารถอธิบายปรากฏการณ์ฝนตกหนักที่ภาคใต้ในครั้งนี้ได้ตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากกว่าคือ ‘Stationary Heavy Rain’ หรือ ‘ฝนแช่’ ที่เกิดจากร่องมรสุมที่หยุดนิ่ง อย่างที่ได้อธิบายไปก่อนหน้าว่าในช่วงนี้ร่องมรสุมนั้นพาดผ่านอยู่บริเวณภาคใต้ตอนล่างเป็นเวลานาน ไม่ขยับไปไหน ทำให้เกิดเมฆฝนก่อตัวและตกลงมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าในพื้นที่เดิม โดยอาจตกต่อเนื่องกันหลายชั่วโมง หรือหลายวัน ส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนมีการสะสมสูงขึ้นเรื่อยๆ จนระบบระบายน้ำไม่สามารถรองรับปริมาณน้ำได้เพียงพอ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปรากฏการณ์ฝนแช่ ก็เป็นผลพวงที่เกิดขึ้นจากภาวะโลกร้อนเช่นเดียวกันกับระเบิดฝน เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นทั่วทั้งโลก รวมถึงบริเวณน้ำทะเล ทำให้อุณหภูมิน้ำทะเลในอ่าวไทยสูงขึ้น การระเหยของน้ำทะเลก็เพิ่มสูงขึ้น น้ำทะเลที่ระเหยขึ้นมานี้จึงกลายเป็นเชื้อเพลงที่คอยเติมความชื้นให้เมฆฝนอย่างไม่หยุดหย่อน ฝนแช่จึงเกิดขึ้นต่อเนื่องและยาวนานอย่างที่เห็น

พยากรณ์สภาพอากาศหลังจากนี้
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์สภาพอากาศล่วงหน้าระหว่างวันที่ 26 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2568 ภาคใต้จะมีฝนลดลง เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลอันดามันตอนล่างเคลื่อนไปปกคลุมบริเวณเกาะสุมาตรา และอ่าวเบงกอลตอนล่างแทน แต่ก็อาจจะยังมีฝนตกหนักในบางพื้นที่ของภาคใต้
กรมอุตุนิยมวิทยา ยังเตือนอีกว่าประชาชนบริเวณภาคใต้ตอนล่างยังต้องระวังอันตรายจากฝนที่ตกสะสม อาจมีน้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมฉับพลันเพิ่มเติมได้ ควรติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด
ด้วยสภาพอากาศที่แปรปรวน จากภาวะโลกรวน เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้จึงเป็นบทเรียนสำคัญให้ประชาชนทุกภาค และหน่วยงานรัฐ ทบทวนมาตรการรับมือกับภัยธรรมชาติกันใหม่ ไม่ใช่แค่ภาคใต้ เพราะทั้งระเบิดฝนและฝนแช่นั้น อาจเกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ กลาง อีสาน จรดใต้ได้หมด
หากใครที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดสงขลา และยังต้องการรับความช่วยเหลือจากเหตุน้ำท่วมในครั้งนี้ สามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ และสายด่วนตามภาพได้

ภาพปก: REUTERS / Roylee Suriyaworakul
อ้างอิง:
- https://www.dcce.go.th/7450/
- https://www.bbc.com/thai/articles/cp81r165ypmo
- https://www.facebook.com/thon.thamrongnawasawat/posts/อธิบายเรื่อง-rain-bomb-หาดใหญ่ให้เพื่อนธรณ์เข้าใจแบบง่ายๆrain-bomb-เป็นศัพท์ทั่ว/26286565087598679/
- https://www.tmd.go.th/forecast/sevenday
- https://www.pptvhd36.com/news/สังคม/222444
- https://www.thaipbs.or.th/now/content/3330
- https://www.springnews.co.th/news/infographic/860847


