×

เปิดใจ 3 แคนดิเดตนายกฯ พรรคประชาชน ย้ำต้องไม่ต่ำ 250 เสียง เพื่อใบอนุญาตที่ 1

โดย THE STANDARD TEAM
23.11.2025
  • LOADING...
เปิดใจ 3 แคนดิเดตนายกฯ พรรคประชาชน ย้ำต้องไม่ต่ำ 250 เสียง เพื่อใบอนุญาตที่ 1

วันนี้ (23 พฤศจิกายน) ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ประกาศแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 3 คนของพรรคประชาชน ประกอบด้วย 1. ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ 2. ศิริกัญญา ตันสกุล สส. แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคฝ่ายนโยบาย และ 3. วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรคฝ่ายยุทธศาสตร์

 

ณัฐพงษ์กล่าวว่า ตามนโยบายของพรรค เราเลือกคนที่เหมาะสมกับตำแหน่ง และยึดมั่นตามหลัก ‘ไทยไม่เทา ไทยเท่ากัน ไทยทันโลก’ ซึ่งวีระยุทธทำนโยบายด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม สอดแทรกไทยไปให้เท่าทันโลก จึงจะช่วยดูแลส่วนนี้ ส่วนศิริกัญญาจะมาดูแลเรื่องการปฏิรูประบบราชการ สิ่งเหล่านี้จะแก้ไม่ได้ ถ้าไม่แก้เรื่องโครงสร้าง จะทำอย่างไรให้การกระจายงบประมาณ เพื่อทำให้คุณภาพชีวิตประชาชนดีขึ้น

 

ณัฐพงษ์กล่าวอีกว่า การเลือกตั้งครั้งที่แล้ว เรากลายมาเป็นพรรคการเมืองอันดับหนึ่งได้ แต่ยังมีกลไกของรัฐเสียง สว. และข้ออ้างต่างๆ ทางการเมืองที่ทำให้เรายังไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ครั้งหน้ากลไกต่างๆ เหล่านั้นเริ่มหายไปแล้ว สว. โหวตนายกรัฐมนตรีไม่ได้แล้ว เงื่อนไขทางการเมืองอื่นๆ เริ่มคลายล็อคลงไปบ้างแล้ว

 

“สิ่งที่สำคัญคือการที่เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้ใบอนุญาตที่หนึ่งมา เพื่อให้พวกเขาปฏิเสธไม่ได้ เราต้องได้ 20 ล้านเสียง ถ้าเราได้ครึ่งหนึ่งของคนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งเลือกพรรคประชาชน จะไม่มีใครปฏิเสธการเป็นรัฐบาลของพวกเราได้อีก” ณัฐพงษ์กล่าว

 

  • มั่นใจพ้นผิดคดี 44 สส.

 

ผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุผลในการเลือกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้งสองคน ณัฐพงษ์กล่าวว่า การเลือกตําแหน่งในฝ่ายบริหารสูงสุดอย่างแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อาจจะใช้กระบวนการรักษาสมดุลระหว่างกระบวนการตัดสินใจฝ่ายบริหาร และการมีส่วนร่วม ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่เฉพาะแค่เรื่องของตําแหน่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่ชัดเจนตั้งแต่เรื่องการเลือกฝ่ายบริหาร เช่นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) ที่ผ่านมา ก็แตกต่างกับตําแหน่งอื่นๆ

 

“กระบวนการที่ผ่านมา เชื่อว่า ทั้ง 2 ชื่อนี้ เป็นชื่อที่ทุกคนให้การยอมรับ ทั้งสมาชิกภายในพรรค และทุกคนที่อยู่ในภายในห้องนี้ รวมถึงโหวตเตอร์ของพรรคด้วย จึงเชื่อว่า การตัดใจตําแหน่งสําคัญๆ แบบนี้ ต้องใช้อํานาจฝ่ายบริหารระดับหนึ่ง แต่ผมเชื่อมั่นว่า ผมตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง” ณัฐพงษ์กล่าวย้ำ

 

ส่วนณัฐพงษ์ และศิริกัญญา ที่อยู่ในรายชื่อคดี 44 สส. มีเพียงงวีระยุทธที่ไม่อยู่ จะมีการบริหารจัดการอย่างไร เพื่อไม่ให้การเรียงลําดับมีปัญหา ณัฐพงษ์มองว่า เรื่องคดี 44 สส.อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา ซึ่งตนเชื่อว่า การที่พวกเราลงชื่อในการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นการใช้อํานาจหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาในฐานะ สส.

 

หากประเมินเช่นนี้ พวกเราตัดสินใจในการเลือกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ทั้ง 3 คนดูตามความเหมาะสม ความรู้ ความสามารถ ส่วนเรื่องการประเมินความเสี่ยงทางการเมือง เรามีการประเมินไปด้วย แต่ยังเชื่อว่า พวกเราบริสุทธิ์ยุติธรรมในสิ่งนี้ เรื่องการแก้ไขกฎหมายที่ผ่านมา จึงไม่ได้เลือก 1 หรือ 2 ท่านที่อยู่ข้างตนเอง ด้วยการที่พยายามหลบเลี่ยงประเด็นทางการเมือง

 

“เมื่อถึงวันนั้น หากมีคําตัดสินออกมาจริงๆ ซึ่งผมและคุณศิริกัญญาอยู่ในคดีนี้ หากมีอุบัติเหตุทางการเมือง เราก็พร้อมที่จะไปต่อ และผมเชื่อว่า ทีมงานของพรรคประชาชนทุกคนในขณะนี้ เรายังมีบุคลากรที่มีความสามารถอยู่ ในการทําหน้าที่” ณัฐพงษ์กล่าว

 

เมื่อถามต่อไปว่า หากไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ทั้ง 2 คนจะอยู่ในคณะรัฐมนตรีด้วยใช่หรือไม่ และจะอยู่ในกระทรวงใด ณัฐพงษ์กล่าวว่า พูดได้เต็มปากว่า ต้องอยู่ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ฝ่ายบริหารอยู่แล้ว แต่จะอยู่ในกระทรวงใด ขอรอการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ที่จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเข้าสู่การเลือกตั้ง

 

  • จับขั้วรัฐบาลกับใคร เลือกดูวาระเป็นหลัก

 

สื่อมวลชนถามต่อไปว่า รอบหน้าถ้าเกิดกรณีที่ต้องเป็นพรรครัฐบาลผสมจริงๆ แบบเลือกไม่ได้ จะจับกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ ณัฐพงษ์กล่าวว่า เรื่องการจับมือ ขอยกตัวอย่าง กรณีการทูตเป็นหลัก ในขณะที่ระดับโลก เราบอกไม่จําเป็นต้องเลือกข้าง แต่เราเลือกวาระ ตนเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน

 

“จริงๆ เราเอาโจทย์สําคัญของประเทศเป็นตัวตั้ง ทุกนโยบายที่เราเสนอมาใน 2 วันนี้ หากไม่ได้เป็นพรรคการเมืองที่มีผู้สืบทอดอํานาจมาจากการปฏิวัติรัฐประหารโดยตรง หรือเป็นผู้บริหารพรรค หรือไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว หากยอมรับนโยบายของเราได้ เราก็คงกาง TOR เหมือนกัน เหมือนตอนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เปิดเผยให้ประชาชนเห็นโปร่งใส ตรงไปตรงมา พูดคุยกับเราอย่างรวดเร็ว จริงใจ ก็มีความเป็นไปได้หมด หากมีคนยื่นซองมากกว่าหนึ่งคน ก็ต้องพิจารณาว่าใครที่สามารถร่วมงานกับเราได้อย่างตลอดรอดฝั่ง”

 

เมื่อถามถึงกรณี วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เปิดตัวร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย จะถือว่าผิด MOA หรือไม่ ณัฐพงษ์กล่าวว่าขอไม่ตอบแทนว่าตกลงผิดหรือไม่ผิด เพราะทุกอย่างอยู่ในกรอบ MOA อยู่ ตราบใดที่ถ้ามีข่าวมาว่าจะมีการยื่น 151 หรือชิงยุบสภาก่อน แปลว่าพรรคภูมิใจไทยยังเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยอยู่

 

ดังนั้น หากดูตามบริบทการเมืองปัจจุบัน หรือการให้สัมภาษณ์ต่างๆ ของ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เชื่อว่าเขายังเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยอยู่ เรายังมีอํานาจในการกํากับดูแลตรงนั้นอยู่

 

เมื่อถามว่าหากไม่ได้ 250 เสียง จะมีเงื่อนไขใดบ้างที่จะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล ณัฐพงษ์ย้ำว่า เอาวาระเป็นตัวตั้ง ส่วนรายละเอียดต้องรอเข้าสู่การเลือกตั้ง รอดูการตอบคําถามในเวทีดีเบตว่า แต่ละพรรคเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับวาระของพรรคประชาชนอย่างไร

 

  • มั่นใจคุณสมบัติณัฐพงษ์ ชี้ต้องไม่ต่ำ 250 เสียง

 

ด้านศิริกัญญากล่าวว่า เราหวั่นใจเรื่องเดียวที่น่าจะเป็นปมในใจเราตั้งแต่ปี 2566 นั่นคือการชนะเลือกตั้งแล้วไม่ได้เป็นรัฐบาล ซึ่งเราเข้าใจเงื่อนไขดีว่า รอบนี้แม้จะไม่มี สว. แล้วก็ตาม แต่การชนะแบบไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไม่ได้การันตีว่าเราจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้

 

“ดังนั้น ไม่น่าแปลกใจว่า ทําไมเราถึงมีเป้าหมายที่ทะเยอทะยานขนาดนี้ ที่อยากจะได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว เพราะการที่ได้ต่ํากว่า 250 นั้น แทบจะเป็น 80-90% ที่เราอาจจะเป็นฝ่ายค้านอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเราเข้าใจดีว่า ประชาชนไม่อยากรออีกต่อไป ประชาชนอยากให้เราเป็นรัฐบาลจะแย่แล้ว ย้ำว่า เรื่องนี้เรื่องเดียวเป็นเรื่องที่เรายังคงต้องทํางานอย่างแข็งขันมุ่งมั่น เพื่อให้พรรคประชาชนได้เป็นพรรคจัดตั้งรัฐบาลเพียงพรรคเดียว”

 

เมื่อถามว่าหากสถานการณ์ต่อไปถึงขั้นที่วีระยุทธเป็นนายกรัฐมนตรีจริงๆ จะมีความมั่นใจหรือข้อกังวลใด ในการก้าวเข้ารับตําแหน่ง วีระยุทธกล่าวว่า เรา 3 คนทํางานเป็นทีม ขอยืนยันว่าณัฐพงษ์จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่เหมาะสมกับสถานการณ์ประเทศไทย ณ ปัจจุบันมากที่สุด เพราะเราต้องการคนที่แก้ปัญหาเป็นระบบ เราต้องการเติมความเป็นดิจิทัลเข้าไป ทั้งระบบราชการไทย และ SMEs และสุดท้ายสําคัญที่สุด คือความเข้มแข็ง ความมุ่งมั่น เอาจริง ซึ่งยืนยันว่า ณัฐพงษ์มีครบทั้ง 3 ข้อ

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising