วันนี้ (22 พฤศจิกายน) ศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการติดตามการทำงานของรัฐบาลในการโยกย้ายข้าราชการระดับสูง หลังจากการเข้ามาทำงานใน 1 เดือน ว่า มีการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงไปแล้ว 89 ตำแหน่ง และถึงขณะนี้ ระยะเวลา 2 เดือนเศษมีการโยกย้ายไปแล้ว 122 ตำแหน่ง และคาดว่าสิ้นเดือนน่าจะทะลุ 300 ตำแหน่ง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย มีการโยกย้ายไปแล้ว 49 ตำแหน่ง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 13 ตำแหน่ง สำนักนายกรัฐมนตรี 12 ตำแหน่ง
โฆษกพรรคเพื่อไทยยังตั้งข้อสังเกตว่า หลายตำแหน่งเกี่ยวข้องกับคดีสำคัญ อย่างเขากระโดง ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ในสังคม และตำแหน่งสำคัญอย่าง เลขาธิการสำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) มีการปรับเปลี่ยนทั้งที่ประเทศไทยจมน้ำอยู่เป็นล้านไร่ หรืออธิบดีกรมที่ดินที่มีการแต่งตั้งเมื่อ 12 พฤศจิกายน แต่หลังจากนั้น 6 วัน มีการโยกย้ายข้าราชการที่ดินในจังหวัดบุรีรัมย์ทันที ทำให้อดตั้งข้อสังเกตไม่ได้ว่า มีข้อเกี่ยวข้องกับคดีสำคัญหรือไม่
ศึกษิษฏ์กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยจึงอยากเรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันจับตามองถึงการแต่งตั้งโยกย้ายเหล่านี้ แต่งตั้งตามกฎหมายและระเบียบหรือไม่หรือเป็นเพียงปลายภูเขาน้ำแข็ง เพราะเป็นข้าราชการระดับสูงที่ต้องมีการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี พร้อมตั้งคำถามว่าข้าราชการที่ต่ำลงไปจะมีอีกจำนวนเท่าไหร่ หรือการแต่งตั้งโยกย้ายในระดับนี้เป็นการแต่งตั้งเพื่อหาผลประโยชน์ อำนวยความสะดวกในการเลือกตั้งครั้งต่อไปหรือไม่
ศึกษิษฏ์กล่าวอีกว่า ทั้งเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายและการจัดการงบประมาณภาครัฐ มีความเกี่ยวเนื่องกันอย่างชัดเจน โดยทางพรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้ประชาชน ช่วยกันจับตามองว่าการแต่งตั้งโยกย้าย และการเพิ่มขั้นตอนการของบประมาณ เป็นการปูทางอำนวยความสะดวกในการเลือกตั้งหรือไม่ ที่มีการพูดว่า พร้อมแล้วที่จะยุบสภา พร้อมเตรียม 2 เรื่องดังกล่าวไว้แล้วใช่หรือไม่ และหากนายกรัฐมนตรียืนยันว่าที่ผ่านมา บริหารราชการแผ่นดินได้อย่างถูกต้อง ก็อย่าหนีการตรวจสอบ
“ที่บอกว่าเพิ่งเข้ามาได้เดี๋ยวเดียวจะทำอะไรผิดได้ ทางพรรคเพื่อไทยเราเห็นต่าง เพราะความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว เป็นความเสียหายจำนวนมากด้วย ซึ่งการตรวจสอบรัฐบาลเป็นหน้าที่ของฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทยไม่เคยเรียกร้อง หรือบังคับให้ใครมาร่วมอภิปรายด้วย ทุกพรรคมีสิทธิจะโหวตอย่างไรก็ได้ ถ้านายกฯ และรัฐบาลสามารถชี้แจงได้ ท่านก็น่าจะได้รับการไว้วางใจให้บริหารประเทศต่อ ท่านอย่าหนีความรับผิดชอบ” ศึกษิษฏ์กล่าว
ด้าน พัฒนา สัพโส สส. สกลนคร พรรคเพื่อไทย ตั้งข้อสังเกตต่อพฤติการณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า อาจเข้าข่ายขัดต่อ มาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 กรณีที่กรมส่งเสริมปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) ทำหนังสือให้ผู้ว่าราชการจังหวัดขอจัดตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองงบประมาณอุดหนุนเฉพาะกิจปี 2570 โดยผ่านกรมส่งเสริมปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งขัดต่อหลักเกณฑ์ตามกฎหมายที่เป็นอำนาจของผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และหากคณะกรรมการชุดนี้มีการตัดหรือเพิ่มงบฯ จะถือเป็นการแทรกแซงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งทุกรัฐบาลที่ผ่านมาไม่เคยทำ จึงขอเรียกร้องให้แก้ไขเรื่องนี้


