คนไทยมีความเคารพเทิดทูนมรดกของชาติอย่างแท้จริง ในแต่ละปีคนไทยหลายล้านคนหาเวลาไปชมพิพิธภัณฑ์ วัด เมืองเก่า และโบราณสถาน เมื่อยูเนสโกประกาศขึ้นทะเบียนเทศกาลหรือโบราณสถานของไทย หรือเมื่อเราได้โบราณวัตถุที่ถูกโจรกรรมกลับคืนมา ชาวเน็ตไทยจะส่งเสียงแสดงความยินดีกันอย่างล้นหลาม และเมื่ออาคารประวัติศาสตร์ถูกรื้อถอน พวกเราหลายคนก็รู้สึกเจ็บปวด และต้องการเรียกร้องให้ได้กลับคืนมา
แล้วคนธรรมดาอย่างเราทำอะไรได้บ้าง?
กฎหมายและนโยบายด้านมรดกวัฒนธรรมของไทยยังคงอ่อนแอและไม่ทันกาล มีโบราณสถานเพียงไม่กี่แห่งที่ได้รับการขึ้นทะเบียนคุ้มครองอย่างเป็นทางการ เราขาดทั้งมาตรการจูงใจทางภาษีเพื่อการอนุรักษ์ กฎหมายที่บังคับให้มีการประเมินผลกระทบต่อมรดกวัฒนธรรมหรือช่องทางที่เชื่อถือได้สำหรับการมีส่วนร่วมของสาธารณชน
นักพัฒนาและหน่วยราชการมักปรับเปลี่ยนหรือรื้อถอนอาคารเก่าตามใจชอบ ไร้ใครสนใจดูแล จนกว่าจะมีกฎหมายที่เข้มแข็งและใช้การได้จริงกว่านี้ การปกป้องมรดกวัฒนธรรมจึงตกเป็นหน้าที่ของพลเมืองคนธรรมดาอย่างเรา
เพื่อช่วยเรื่องนี้ สยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์จึงสร้าง Heritage Alert ให้เป็นช่องทางออนไลน์ที่ใครก็ได้สามารถรายงานปัญหารูปแบบใดก็ได้ เกี่ยวกับมรดกวัฒนธรรมที่เขาพบเห็น เจ้าหน้าที่และสมาชิกอาสาสมัครของสมาคมจะส่งเรื่องต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเผยแพร่ปัญหาให้สาธารณชนรับรู้ แม้ว่าจะไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย สิ่งที่เราช่วยทำได้คือเร่งรัดและผลักดันในจุดที่เหมาะสม

ภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยอยุธยาภายในอุโบสถเก่าของวัดเขียน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง โดย สยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์

พระพุทธรูปโบราณ ทำจากหินทรายแดง ที่กำลังชำรุดทรุดโทรมภายในพระวิหาร วัดแจงร้อน เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ โดย โครงการอนุรักษ์หมู่พระพุทธรูปโบราณวัดแจงร้อน
ถึงขณะนี้มีสามเรื่องที่เราได้รับแล้ว ได้แก่ จิตรกรรมฝาผนังสมัยอยุธยาตอนปลายที่วัดเขียน จังหวัดอ่างทอง ซึ่งถูกละเลยมานาน หมู่อาคารสถานทูตเนเธอร์แลนด์ในกรุงเทพฯ ที่อาจมีการขายที่ดินให้นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และ วัดแจงร้อน ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำมาตั้งแต่ก่อนกรุงรัตนโกสินทร์และกำลังถูกคุกคามจากความชื้นและระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ละเรื่องบอกถึงความเปราะบางของมรดกของเรา และความจำเป็นในการยื่นมือเข้าไปแก้ไขอย่างเร่งด่วน
วัดเขียนมีพระสงฆ์อยู่เพียงรูปเดียว อันเป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไป วัดใดมีพระสงฆ์น้อยวัดนั้นพระสงฆ์ย่อมไม่มีเวลาไปดูแลศาสนสถานเก่าแก่ แต่ความจริงที่ลึกกว่านั้นคือ คนไทยจำนวนมากนิยมบริจาคเงินเพื่อสร้างโบสถ์วิหารหรือพระพุทธรูปขึ้นใหม่ ยิ่งกว่าจะบริจาคเพื่อการบูรณะปฏิสังขรณ์ของเก่าที่มีคุณค่า วัดต่างๆ มุ่งแต่จะแข่งกันระดมทุนสร้างโบสถ์ใหม่ แต่จัดสรรเงินเพื่อการซ่อมแซมเพียงน้อยนิด ผู้คนมักเชื่อว่าการดูแลรักษามรดก “ไม่ใช่กงการของฉัน”
เมื่อเป็นอย่างนี้ สิ่งที่เกิดตามมาอย่างเห็นได้ชัดคือ มรดกที่ไม่ได้เป็นของรัฐโดยตรงมักถูกมองข้าม เช่นการสูญเสียอาคารอันเป็นสัญลักษณ์ของสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ อย่างโรงแรมดุสิตธานี ซึ่งถูกรื้อถอนในปี 2020 และ “อาคารหุ่นยนต์” ซึ่งอัตลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นถูกลบหายด้วยการปรับปรุงครั้งล่าสุด ท่ามกลางเสียงประท้วงจากสาธารณชน มรดกอันมีค่าเหล่านี้เมื่อสูญไปแล้วจะไม่มีทางกู้กลับมาได้ เป็นการสูญเสียทุนทางวัฒนธรรมของเราอย่างถาวร

งานอนุรักษ์อาคารสถานีวิทยุโทรเลขศาลาแดง ที่ได้รับการอนุรักษ์โดยภาคเอกชน โดย นวมินทร์ วิทยกุล

ภายในพิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก โดย นวมินทร์ วิทยกุล
ความรู้สึกรักถนอมมรดกทางวัฒนธรรมไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ด้วยการรณรงค์เพียงชั่วครั้งชั่วคราวหรือการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่สะดุดตา แต่ต้องอาศัยการศึกษาที่ทุ่มความคิดและความใส่ใจมุ่งช่วยให้ผู้คนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในความหมายและคุณค่าของมรดก
สยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์ส่งเสริมในเรื่องนี้ด้วยการบรรยาย สิ่งพิมพ์ และฐานข้อมูลที่เก็บทะเบียนผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์ซึ่งทุกคนเข้าถึงได้ฟรี เรามีหนังสือแจกฟรี ได้แก่ ทนายวัฒนธรรม และภาคภาษาอังกฤษในชื่อ “Heritage Lawyer” ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับช่องทางการใช้กฎหมายในการอนุรักษ์ แต่ความท้าทายที่แท้จริงคือการช่วยให้คนไทยทุกคนเข้าใจว่ามรดกวัฒนธรรมเป็นของพวกเราทั้งมวล และการปกป้องมรดกเป็นหน้าที่ร่วมกันของเรา ไม่ใช่แค่ของรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว
น่าดีใจที่หลายชุมชนตระหนักถึงความท้าทายนี้และได้ริเริ่มไปก่อนแล้ว สงขลามีการจัดตั้งกองทุนมรดกเมืองสงขลา พิมายก็จัดตั้งกองทุนมรดกพิมาย พิมายฬองวีค (Pimai Long week) เป็นงานที่ผสมผสานศิลปะร่วมสมัยเข้ากับโบราณสถานของตน พิพิธภัณฑ์กุฎีจีน ธนบุรี อวดประวัติศาสตร์อันหลากหลายของชุมชนริมแม่น้ำ ผู้คนทั่วประเทศได้ยื่นเรื่องร้องเรียน ยื่นคำร้อง และแม้กระทั่งออกไปประท้วงเพื่อหยุดโครงการที่ส่งผลเสียในหลายพื้นที่ เช่น พระนครศรีอยุธยา สงขลา แพร่ และเมืองศรีเทพ ความอุตสาหะของทุกฝ่ายจะช่วยรักษาทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่ไม่มีอะไรทดแทนได้ไว้สำหรับคนรุ่นต่อไป

การศึกษาสัญจรของสมาชิกสยามสมาคมฯ ณ ป้อมแผลงไฟฟ้า อ.พระประแดง จ. สมุทรปราการ โดย สยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์
บริษัทเอกชนต้องเข้ามามีส่วนร่วม
การสนับสนุนด้านมรดกวัฒนธรรมไม่ควรถูกมองว่าเป็นเพียงการกุศล หากเป็นรูปแบบสำคัญของความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร เป็นการลงทุนในอัตลักษณ์ของชาติและความเชื่อมแน่นทางสังคม
จนในที่สุด งานมรดกวัฒนธรรมต้องเป็นเรื่องหนึ่งในการพัฒนาที่ยั่งยืนของเรา การปกป้องทุนทางวัฒนธรรมคือการเพิ่มความเข้มแข็งให้แก่สังคม เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิต
เราไม่ได้มีทรัพยากรมากพอจะชนะการแข่งขันทางเทคโนโลยีระดับโลก แต่มรดกคือทรัพยากรที่ไม่มีใครเหมือนอันอยู่กับเรา เราควรลงทุนในมรดกนี้ แบบเดียวกับที่เราลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ มรดกต้องเป็นโครงการระดับชาติ มีกฎหมายที่เข้มแข็ง และเงินทุนที่มากพอ หน่วยงานราชการควรมีหน้าที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพลเมืองและดึงชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์เป็นลำดับต้นๆ
และประชาชนอย่างเราก็ต้องแสดงตัวเพื่อปกป้องประวัติศาสตร์ของเรา การทำงานร่วมกันระหว่างพลเมือง ชุมชน ภาคธุรกิจ และภาครัฐ เท่านั้น ที่จะทำให้เราสามารถปกป้องสมบัติทางวัฒนธรรมของไทยไว้ได้ เมื่อเราปกป้องอดีต เราย่อมกำลังสร้างรากฐานให้แก่อนาคตที่รุ่มรวยและยืดหยุ่นยิ่งขึ้น
คำอธิบายภาพเปิด สถานเอกอัครราชทูตโปรตุเกสประจำประเทศไทย โดย นวมินทร์ วิทยกุล
เกี่ยวกับผู้เขียน:
กนิษฐา กสิณอุบล กรรมการผู้จัดการ สยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์
Heritage Matters โดย สยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นคอลัมน์แสดงความคิดเห็นเพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์และเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นต่อมรดกวัฒนธรรมและธรรมชาติของประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทัศนะที่ปรากฏในบทความเป็นของผู้เขียนบทความนั้น


