วันนี้ (20 พฤศจิกายน) ที่อาคารรัฐสภา ภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา เปิดเผยถึงการยื่นขอทูลเกล้าฯ เปิดสมัยประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ โดยระบุว่า ได้เห็นความก้าวหน้าของการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการฯ ซึ่งประเมินกันว่าภายในสัปดาห์หน้า มีโอกาสสูงที่จะแล้วเสร็จ เพราะในวันพรุ่งนี้ (21 พฤศจิกายน) การพิจารณาจะเสร็จสมบูรณ์ และสัปดาห์หน้าจะเป็นการทบทวน
ด้านคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภราดรเผยว่า ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีถึงแนวโน้มในการขอเปิดสมัยประชุมสมัยวิสามัญ ซึ่งนายกรัฐมนตรีและ ครม. ไม่ได้ขัดข้องอะไร และยืนยันมาตลอดว่าจะเร่งผลักดันให้รัฐธรรมนูญเดินหน้าเร็วที่สุด ซึ่งหากกรรมาธิการฯ มีความพร้อม และร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จทันกรอบเวลา ก็พร้อมที่จะเปิดประชุมสมัยวิสามัญ คาดว่าจะเป็นช่วงวันที่ 8-11 ธันวาคม แต่จะเป็นวันที่เท่าไหร่ต้องหารือและดูกันอีกที
ส่วนหากฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะมีปัญหาหรือไม่ ภราดรกล่าวว่า ดูเหมือนจะเป็นคนละเรื่อง แต่ก็ผูกโยงกันได้บ้าง แน่นอนว่าการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องนำไปสู่การลงมติ ดังนั้น ต้องดูญัตติว่าเป็นการอภิปราย ครม. ทั้งคณะ หรือรายบุคคล
“หากฝ่ายรัฐบาลแพ้โหวตขึ้นมา ก็จะไม่มีรัฐบาลต่อ และต้องมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หรือเป็นอำนาจนายกรัฐมนตรีในการที่จะตัดสินใจทางการเมือง ซึ่งนายกรัฐมนตรี อาจจะยุบหรือไม่ยุบสภาไม่มีใครตอบได้” ภราดรกล่าว
ส่วนมั่นใจหรือไม่ว่าหากมีการยื่นเปิดอภิปรายฯ ตามมาตรา 151 นายกรัฐมนตรีจะได้รับได้รับความไว้วางใจจากสภาผู้แทนราษฎร ภราดรกล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้กลัวการตรวจสอบ แต่เราประกาศตั้งแต่วันแรกว่าเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ดังนั้น การจะชนะเสียงในสภาฯ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เราจึงต้องประสานงานกับทุกพรรคในการพิจารณากฎหมาย เพื่อใช้เวลาในช่วงช่วง 4 เดือนให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งเราพยายามหาความเห็นพ้องต้องกัน
“ที่ผ่านมากฎหมายผ่านเยอะมาก เทียบแล้วการผ่านกฎหมายในช่วง 4 เดือนนี้ เกือบจะมากกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น เป็นไปไม่ได้ที่เสียงของรัฐบาลจะชนะในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และต้องดูว่าหากเสียงโหวตไม่ไว้วางใจมีมากกว่า 247 เสียงหรือไม่ ถ้าหากมากกว่านั้น นายกรัฐมนตรีก็อยู่ไม่ได้” ภราดรกล่าว


