มีความคืบหน้าสำคัญในประเด็นการตีความกฎหมายค้าประเวณี หลังคณะกรรมการว่าด้วยการปรับเป็นพินัยออก บันทึกเรื่องเสร็จที่ 878/2567 ว่าด้วยแนวทางดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 มาตรา 5 โดยมี ปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ลงนามรับรองความเห็น
ขณะเดียวกัน ได้มีการยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วจากคณะกรรมการว่าด้วยการปรับเป็นพินัยว่าการติดต่อซื้อขายบริการทางเพศในลักษณะลับตาคนหรือเป็นการส่วนตัว เช่น ในห้องนวด หรือทางโทรศัพท์ ไม่เข้าข่ายองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 5 ของพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 หลังกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) ส่งข้อหารือให้ตีความแนวทางการบังคับใช้กฎหมายอย่างถูกต้องและสอดคล้องกับเจตนารมณ์
มาตรา 5 บัญญัติอย่างไร
กฎหมายกำหนดว่า “ผู้ใดเข้าติดต่อ ชักชวน แนะนำตัว ติดตาม หรือรบเร้าบุคคลตามถนนหรือสาธารณสถาน หรือกระทำการดังกล่าวในที่อื่นใด เพื่อการค้าประเวณี อันเป็นการเปิดเผยและน่าอับอาย หรือเป็นที่เดือดร้อนรำคาญแก่สาธารณชน ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท”
ปัจจุบัน ความผิดตามมาตรา 5 ถูกจัดเป็น ความผิดทางพินัย ที่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสั่งปรับโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการอาญา
ที่มาของการหารือ: 7 คดีค้างพิจารณา
สค. ชี้แจงต่อคณะกรรมการว่า หลังพนักงานสอบสวนส่งสำนวนตามมาตรา 5 มาให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อออกคำสั่งปรับ ปรากฏว่ามีคดีประมาณ 7 คดีที่เจ้าหน้าที่ไม่มั่นใจว่าเข้าข่ายองค์ประกอบตามกฎหมายหรือไม่ จึงจำเป็นต้องขอคำวินิจฉัยตีความจากคณะกรรมการว่าด้วยการปรับเป็นพินัย
‘เปิดเผยและน่าอับอาย’ หมายถึงอะไร
คณะกรรมการ ระบุว่า กฎหมายไม่ได้ระบุความหมายของคำว่า ‘เปิดเผย’ หรือ ‘น่าอับอาย’ ไว้โดยเฉพาะ จึงต้องยึดตามพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ดังนี้
‘เปิดเผย’ หมายถึง ทำสิ่งที่ปิดบังอยู่ให้เผยออก เผยให้รู้
‘อับอาย’ หมายถึง อายไม่กล้าสู้หน้า ขายหน้า
นอกจากนั้น คณะกรรมการฯ อ้างอิงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 508–510/2513 ซึ่งวินิจฉัยว่า การที่หญิงค้าประเวณีนั่งรออยู่ในห้องโถงโรงแรม เพื่อให้ชายที่มาเที่ยวพบเห็น ถือเป็นการ ‘แนะนำตัวในที่อันเป็นการเปิดเผยและน่าอับอาย’
ตัวอย่างนี้ถูกใช้เป็นเกณฑ์อ้างอิงสำคัญว่าการกระทำต้อง ปรากฏต่อสาธารณะ ให้บุคคลทั่วไปเห็น จึงจะเข้าข่ายตามองค์ประกอบของมาตรา 5
ซื้อขายบริการทางเพศ ‘ในที่ลับ’ ไม่ผิดมาตรา 5
หลังพิจารณาข้อเท็จจริงตามข้อหารือ คณะกรรมการ มีความเห็นชัดเจนว่า
1)หากการติดต่อซื้อขายบริการทางเพศเกิดขึ้นในที่ลับหรือเป็นการส่วนตัว เช่น ห้องนวด ทางโทรศัพท์ หรือในพื้นที่ที่ผู้อื่นมองไม่เห็น ไม่เป็น ‘การเปิดเผยและน่าอับอาย’
2)การกระทำดังกล่าวยังไม่เข้าองค์ประกอบตั้งแต่ช่วงแรกของมาตรา 5 คือ ‘ตามถนนหรือสาธารณสถาน หรือที่อื่นใด’ ในลักษณะที่ก่อความเดือดร้อนรำคาญแก่สาธารณชน
กล่าวคือ หากไม่มีใครเห็น ไม่มีการรบกวนสาธารณะ และไม่มีการแสดงออกต่อบุคคลทั่วไป ก็ไม่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 5 อย่างสิ้นเชิง
ทำไมจึงสำคัญ
การตีความนี้ส่งผลโดยตรงต่อการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะในยุคที่การซื้อขายบริการทางเพศย้ายไปอยู่ในพื้นที่ปิด แพลตฟอร์มออนไลน์ และช่องทางส่วนตัวมากขึ้น
คณะกรรมการย้ำว่า แม้ความเห็นนี้เป็นหลักตีความในเชิงกฎหมาย แต่เจ้าหน้าที่รัฐยังต้องพิจารณาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานในแต่ละคดีเป็นรายกรณี
ท้ายที่สุด บันทึกแนวทางดังกล่าวมีปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ลงนามรับรอง ถือเป็นหลักปฏิบัติสำคัญของรัฐสำหรับการใช้อำนาจปรับเป็นพินัยให้ถูกต้องตามกฎหมายและเจตนารมณ์ที่แท้จริง
ถือเป็นแนวทางสำคัญต่อการบังคับใช้กฎหมายค้าประเวณี ที่ช่วยให้หน่วยงานรัฐมีกรอบพิจารณาชัดเจนขึ้นว่าการกระทำใดเข้าข่ายผิดตามมาตรา 5 และการกระทำใดไม่ควรถูกตีความเกินขอบเขตกฎหมาย โดยเฉพาะในยุคที่รูปแบบการติดต่อทางเพศเกิดขึ้นในแพลตฟอร์มและพื้นที่ปิดมากขึ้น
อ้างอิง:


