วันนี้ (20 พฤศจิกายน) อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเตรียมพร้อมผู้สมัคร สส. รวมถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ภายหลัง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ประกาศแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยแล้ว 3 คน
อภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังชวนคนมาสมัคร สส. อยู่ เพราะพรรคเพิ่งเริ่มประชุมกรรมการบริหารพรรคครั้งแรกได้เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่ยืนยันว่า ไม่มีปัญหา เพราะพรรคตอนนี้เราเร่งเฟ้นหาผู้สมัครที่เชื่อในแนวทางการเมือง ที่เราอยากจะทำให้เร็วที่สุด
“แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหาไม่ยาก ชวนใครก็รับทั้งนั้นแหละครับ” อภิสิทธิ์กล่าว
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จะเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนเดียว หรือ 3 รายชื่อ อภิสิทธิ์กล่าวว่า ในอดีตเราจะเสนอคนเดียว แต่ได้พูดคุยกันในเบื้องต้นว่า เอาเข้าจริงๆ การเสนอชื่อคนเดียวไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงทางการเมือง เพราะเคยเจอมาแล้วตอนปี 2562 ที่ตนมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เมื่อตนเองลาออกจากหัวหน้าพรรค พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่มีแคนดิเดตนายก หัวหน้าพรรคคนใหม่ก็ไม่มีชื่ออยู่ในแคนดิเดต ขณะที่ชื่อของตนก็ยังค้างอยู่ โดยไม่สามารถออกได้ ยกเว้นไปบวช หรือล้มละลาย หรือขาดคุณสมบัติตามกฏหมาย ซึ่งไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ครั้งนี้จึงเห็นตรงกันเบื้องต้นว่าน่าจะไม่ใช่คนเดียว ต้องเป็น 3 คน
ส่วนจะบอกได้หรือไม่ว่าอีก 2 คน เป็นนักการเมืองหรือนักธุรกิจ อภิสิทธิ์กล่าวว่า ใครมาตรงนี้ถือว่าเป็นนักการเมือง ไม่มีหรอกที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแล้วไม่เป็นนักการเมือง ซึ่งขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ได้รายชื่อทั้ง 3 คน เพราะเรื่องนี้ต้องนำเข้าที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค แต่ในใจมีรายชื่อแล้ว เพื่อนๆ แถวนี้ก็มีอยู่ แต่ไม่รู้ว่าตรงกันหรือไม่
เมื่อผู้สื่อข่าวชี้ไปที่ กรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่าใช่คนนี้ด้วยหรือไม่ อภิสิทธิ์หัวเราะ ก่อนจะบอกว่า “เขาช่วยผมคิดอยู่”
ขณะเดียวกัน อภิสิทธิ์ยังกล่าวถึง เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ ศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งอนุทินเผยว่า เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอันดับ 2 และ 3 ของพรรคภูมิใจไทย โดยระบุว่า จริงๆ ก็ร่วมงานกับรัฐบาลชุดนี้ และเมื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งก็ได้รับเสียงตอบรับจากสังคม ส่วนตัวคิดว่า สังคมก็อยากเห็นบุคลากรจากวงการต่างๆ ถ้ามีความรู้ความสามารถ มีชื่อเสียง ก็อยากจะให้เข้ามา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์จะเปิดรายชื่อเพื่อชิงความได้เปรียบ หรือไม่ อภิสิทธิ์กล่าวว่า “ผมเป็นคนชอบดูกีฬา พอดีทำอะไรก่อนมันเสียเปรียบ”


