เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พล.ต.ท. รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากหลายหน่วยงาน ได้แก่ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล เลขาธิการ ป.ป.ส., นริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี, พล.ต.ท. อาชยน ไกรทอง ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด, ยุทธนา พูลพิพัฒน์ รองอธิบดี กรมศุลกากร และ ธีรทัศน์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้ร่วมกันลงพื้นที่เข้าตรวจสอบและยึดสารเคมีต้องสงสัย ณ ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ภายใต้แนวคิด No Chemical No Drugs
ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นผลจากการบูรณาการร่วมกันระหว่าง สำนักงาน ป.ป.ส. และ กรมศุลกากร ซึ่งได้รับรายงานการข่าวและเฝ้าระวังการนำเข้าสารเคมีที่มีความเสี่ยงจะถูกนำไปใช้ในการผลิตยาเสพติด โดยพบว่ามีบริษัทแห่งหนึ่งนำเข้าสารเคมี กรดอะซีติก (Acetic Acid) จำนวนมากถึง 740 ถัง น้ำหนักรวม 22,200 กิโลกรัม จากเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้ามา ณ ด่านศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง โดย ไม่มีใบอนุญาตนำเข้า และ ไม่มีการขึ้นทะเบียนจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
กรดอะซีติก เป็นสารเคมีสำคัญที่ใช้เป็นตัวทำปฏิกิริยาในกระบวนการผลิตสารตั้งต้นเพื่อนำไปใช้ในการผลิตยาเสพติดร้ายแรง เช่น เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า, ไอซ์) และเฮโรอีน การยึดสารเคมีในครั้งนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากสารเคมีล็อตนี้สามารถนำไปใช้ในการผลิตยาเสพติดได้ในปริมาณมหาศาล โดยมีรายละเอียดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น หากสารเคมีนี้หลุดรอดออกไปสู่กระบวนการผลิตยาเสพติด ดังนี้:
- สามารถใช้ผลิตสารตั้งต้น เพื่อนำไปผลิต ไอซ์ (เมทแอมเฟตามีน) ได้ประมาณ 27,750 กิโลกรัม
- สามารถใช้ผลิตสารตั้งต้น เพื่อนำไปผลิต ยาบ้า ได้มากถึงประมาณ 1,400 ล้านเม็ด
- สามารถใช้เป็นสารตั้งต้น เพื่อนำไปผลิต เฮโรอีน ได้ถึงประมาณ 74,000 กิโลกรัม
กรดอะซีติก จัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่งกำหนดให้ผู้นำเข้าต้องขอขึ้นทะเบียนและขอใบอนุญาตนำเข้าจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ
นอกจากนี้ ยังเป็นสารเคมีในบัญชีที่ 2 ตามประกาศกระทรวงยุติธรรม ภายใต้มาตรการป้องกันการลักลอบนำสารเคมีไปใช้ผลิตยาเสพติด (คำสั่ง คสช. ที่ 32/2559) ที่กำหนดให้ต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายหรือระเบียบเฉพาะ
แม้ว่า กรดอะซีติก จะเป็นสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมทั่วไป เช่น การผลิตพลาสติก ยาง การพิมพ์ สีย้อม การถนอมอาหาร และการสังเคราะห์สารเคมีอินทรีย์ แต่เนื่องจากสามารถนำไปใช้เป็นตัวทำปฏิกิริยาในการผลิตเมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีนได้ จึงจำเป็นต้องมีมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการรั่วไหลไปสู่การผลิตยาเสพติดนอกประเทศ


