เด็ก 12 ปี ผู้ถูกทอดทิ้งให้ค้าบริการ 33 วัน 60 ครั้ง
ตามรายงานข่าวระบุว่า เด็กหญิงไทยได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกพร้อมกับแม่เมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2568 ด้วยวีซา 15 วัน ก่อนจะถูกพาไปที่ร้านนวดชื่อรีแล็กซ์ ไทม์ ซึ่งเป็นห้องเช่าในอาคารย่านบุงเคียว ใกล้กับอุเอโนะ ของกรุงโตเกียว ซึ่งร้านดังกล่าวติดป้ายนวดแผนไทย แต่แอบแฝงการให้บริการทางเพศ
เมื่อไปถึง เด็กถูกสอนวิธีการนวดและให้บริการทางเพศทันที และเมื่อถึงกลางเดือนกรกฎาคม แม่ของเธอได้เดินทางกลับประเทศไทย โดยทิ้งเธอไว้เพียงลำพังพร้อมคำบอกว่า “เดี๋ยวมารับนะ” ในช่วง 33 วันที่ถูกทิ้งไว้ เด็กหญิงถูกบังคับให้ทำงานบริการรับลูกค้าถึง 60 คน สร้างรายได้ให้ร้านมากกว่า 600,000 เยน แต่ตัวเด็กต้องทนทุกข์และนอนบนพื้นในห้องครัวของร้าน ได้รับเงินเพียงเล็กน้อยเป็นค่าอาหารเท่านั้น
ความจริงถูกเปิดเผยเมื่อช่วงกลางเดือนกันยายน เมื่อเด็กหญิงได้เดินทางไปที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองด้วยตนเอง และแจ้งว่า “ถูกบังคับให้ทำงาน” ซึ่งนำไปสู่การบุกเข้าตรวจสอบและจับกุม มาซายูกิ โฮโซโนะ ผู้จัดการร้านวัย 51 ปี เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ในข้อหาฝ่าฝืนกฎหมายมาตรฐานแรงงาน ใช้เด็กที่อายุไม่ถึง 15 ปี ตำรวจพบว่านอกจากเด็กหญิง ยังมีหญิงไทยอายุราว 30 ปี ที่ทำงานให้บริการทางเพศในร้านเดียวกันนี้ด้วย
สังคมญี่ปุ่นเรียกร้องโทษสูงสุด และการกวาดล้างธุรกิจสีเทา
เหตุการณ์นี้ได้สร้างความตกใจและสะเทือนใจอย่างมากในสังคมญี่ปุ่น เพราะเด็กหญิงไม่ได้เต็มใจและยืนยันความต้องการว่า “อยากกลับไทย อยากไปโรงเรียน” ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากแสดงความชื่นชมในความเข้มแข็งของเด็ก และรู้สึกละอายใจที่มีคดีโหดร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นในประเทศของตนเอง โดยมีข้อเรียกร้องผ่านโซเชียลมีเดีย:
- เรียกร้องให้ดำเนินคดีกับแม่และลูกค้า: ผู้แสดงความเห็นส่วนใหญ่เรียกร้องให้มีการเปิดเผยตัวตนและจับกุมผู้ใช้บริการด้วย พร้อมทั้งประสานสถานทูตไทยให้ดำเนินการจับกุมแม่ของเด็ก ก่อนจะส่งตัวเด็กกลับประเทศไทย โดยมองว่าพฤติกรรมของแม่เข้าข่ายการค้ามนุษย์ และควรได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต
- คุมเข้มการเข้าเมืองและการบริการสีเทา: มีการเรียกร้องให้ทางการญี่ปุ่นเข้มงวดและตัดสินโทษรุนแรงกับผู้ที่ช่วยเหลือ และคนต่างชาติที่เข้ามาทำงานผิดกฎหมาย โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่ามีร้านนวดสีเทาๆของคนไทยอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งควรถูกตรวจสอบและจัดการอย่างเด็ดขาด
พม. เร่งประสาน DSI ล่าตัวแม่ผู้กระทำผิด หลังทราบพิกัด เพื่อนำเด็กกลับเข้าสู่การดูแล
ความคืบหน้าในส่วนของประเทศไทย นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า พม. กำลังประสาน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อติดตามผู้กระทำความผิดรวมถึง แม่แท้ๆ ของเด็ก โดยขณะนี้ทราบที่อยู่แล้ว และอยู่ระหว่างกระบวนการเร่งติดตามตัวมาสอบปากคำ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าเด็กหญิงอายุ 12 ปี ได้อาศัยอยู่กับญาติ เนื่องจากพ่อซึ่งเป็นชาวบุรีรัมย์ได้เสียชีวิตลงและไม่มีใครดูแล ก่อนจะถูกแม่พาไปยังประเทศญี่ปุ่น ส่วนการรับตัวเด็กหญิงกลับประเทศไทยนั้น ทางตำรวจญี่ปุ่นได้มีการประสานมาสอบถามความคืบหน้าในการสอบปากคำเจ้าของร้านนวด หากกระบวนการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว ทางหน่วยงานไทยจะเร่งประสานขอรับตัวเด็กหญิงกลับประเทศทันที
ทั้งนี้ ปัจจุบันเด็กหญิงอายุ 12 ปี ยังคงอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจโตเกียว และหน่วยงานภาครัฐของประเทศญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังเป็นเยาวชนและอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ถูกคุกคามทางเพศมาเป็นระยะเวลาหลายเดือน
DSI รับเรื่องสืบสวน จ่อพิจารณาเป็นคดีพิเศษฐานค้ามนุษย์
ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และโฆษกดีเอสไอ ได้มอบหมายให้ กองคดีการค้ามนุษย์ ดำเนินการรับเรื่องไว้เพื่อสืบสวน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานและขยายผลดูเรื่องการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
DSI มีเป้าหมายที่จะเสนอเรื่องต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณาอนุมัติให้ทำการสอบสวนเป็น คดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ต่อไป
ร.ต.อ.สุรวุฒิ ย้ำว่า การสืบสวนในเบื้องต้นจะมุ่งเน้นที่การพิจารณาฐานความผิดค้ามนุษย์ โดยจะต้องสืบสวนว่ามีการค้ามนุษย์หรือไม่ เช่น มีลักษณะการเป็นธุระจัดหาหรือไม่ เนื่องจากต้องขยายประเด็นว่า แม่ของเด็กมีเจตนาจะนำลูกสาวไปค้าประเวณีเด็กหรือไม่ และดำเนินการเพียงคนเดียว หรือมีการสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดค้ามนุษย์หรือไม่
“ดีเอสไอจะไม่เจาะจงแค่ในส่วนของแม่เด็กเท่านั้น แต่เราจะดูบริบทภาพรวมทั้งหมด และมีการได้รับเงินจากการนำเอาเด็กไปค้าประเวณีหรือไม่” ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าว
ในช่วงการสืบสวนนี้ DSI จะบูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วนเพื่อดูข้อมูลพฤติการณ์ที่เกิดขึ้น ได้แก่ นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.), เจ้าหน้าที่ พม., เครือข่ายทีมงาน/มูลนิธิ/สมาคม/NGO ในประเทศญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ในส่วนของการสอบถามข้อมูลจากเด็กหญิง DSI จะคำนึงถึงสภาพของผู้เสียหายที่เป็นเด็กวัยเพียง 12 ปี หากหน่วยงานในพื้นที่ได้มีการสอบปากคำตามกระบวนการเรียบร้อยแล้ว และบันทึกผลการสอบปากคำครบถ้วนทุกประเด็น ดีเอสไอก็ไม่มีความจำเป็นต้องสอบปากคำเด็กซ้ำสอง
ทั้งนี้ เมื่อมีความชัดเจนในส่วนของคำให้การ และพยานหลักฐานบ่งชี้ถึงการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์แล้ว ก็จะได้เสนออธิบดีฯ รับเป็นคดีพิเศษ เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนออกหมายเรียกผู้ต้องหารับทราบข้อกล่าวหาการกระทำความผิดตามลำดับต่อไป
กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ขอแจ้งให้ประชาชนทราบว่า การเป็นธุระจัดหาหรือนำเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี มาค้าประเวณีหรือให้บริการทางเพศ ไม่ว่าเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ถือเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกสูงสุดถึง 20 ปี
ในวันนี้ที่เราเชื่อว่ามีอีกหลายเสียงรอรับความช่วยเหลือ
กรณีของเด็กหญิงวัย 12 ปี ในกรุงโตเกียว ไม่ได้เป็นเพียงโศกนาฏกรรมของสถาบันครอบครัว แต่เป็นสัญญาณเตือนภัยที่ดังขึ้นในระดับระหว่างประเทศต่อปัญหาการค้ามนุษย์ที่มีคนไทยเป็นเหยื่อในต่างแดน ซึ่งเป็นประเด็นที่ซับซ้อนและมีอีกหลายกรณีที่รอการเข้าถึงความช่วยเหลือและกระบวนการยุติธรรม
ความเดือดดาลของสังคมญี่ปุ่นต่อธุรกิจสีเทา ที่แอบแฝงและเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและญี่ปุ่นร่วมกัน กวาดล้างอย่างเด็ดขาด ย่อมเป็นแรงผลักดันให้หน่วยงานไทยต้องเร่งขยายผลการสอบสวนไปยังเครือข่ายผู้สมคบคิด รวมถึงการสร้างกลไกที่เข้มแข็งในการ คัดกรอง คุ้มครอง และให้ความรู้ แก่คนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศ
โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเปราะบาง เพื่อป้องกันไม่ให้โศกนาฏกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก และเพื่อให้มั่นใจว่าเหยื่อผู้บริสุทธิ์ทุกคนจะได้รับการดูแลและได้รับความยุติธรรมอย่างแท้จริง


