ศุภจี มอบนโยบายด่วน ทูตพาณิชย์ในจีน 9 แห่ง ลุยยุทธศาสตร์ “เชิงรุก” ขยายตลาดรายมณฑล หลังมูลค่าการค้าไทย-จีน 9 เดือนแรกปี 68 โตสูงถึง 28.08%
วันนี้ (6 พฤศจิกายน) ศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมมอบนโยบายแก่ผู้อำนวยการสำนักงานในประเทศจีนของกระทรวงพาณิชย์ทั้ง 9 แห่ง ได้แก่ สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงปักกิ่ง และสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) 8 แห่ง ได้แก่ ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว ชิงต่าว เซี่ยเหมิน เฉิงตู คุนหมิง และหนานหนิง ณ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ ว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานในจีน ทุกแห่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เชิงรุก เพื่อขยายโอกาสทางการค้าและเพิ่มยอดการส่งออกสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดจีนอย่างต่อเนื่อง
9 เดือน มูลค่าการค้าไทย-จีน แตะแสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
โดยจีนยังคงเป็นตลาดอันดับหนึ่งของไทย โดยมีมูลค่าการค้าไทย-จีนในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม-กันยายน) สูงถึง 108,639.31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 28.08% โดยเป็นมูลค่าการส่งออกของไทย 30,667.72 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.13% ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพของสินค้าไทยในตลาดจีนที่ยังเติบโตได้อีกมาก
“วันนี้โลกการค้าเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคจีนให้ความสำคัญกับนวัตกรรม คุณภาพ และความยั่งยืน ไม่ใช่ราคาถูกอีกต่อไป ทูตพาณิชย์ของเราจึงต้องเข้าใจและวิเคราะห์ให้ได้ว่า แต่ละมณฑลของจีนมีโอกาสและความท้าทายอย่างไร เพื่อกำหนดกลยุทธ์เจาะตลาดที่ตรงจุด” ศุภจี กล่าว
ผู้อำนวยการสำนักงานในประเทศจีนของกระทรวงพาณิชย์ได้นำเสนอโอกาสและความท้าทายในจีนของแต่ละภูมิภาค และนำเสนอโอกาสและสินค้าเป้าหมายของไทยในจีน 5 กลุ่ม ได้แก่
1.กลุ่มสินค้าเกษตรและอาหาร
2.กลุ่มสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง
3.กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม
4.กลุ่มสินค้ารักษ์โลกและความยั่งยืน
5.กลุ่มสินค้านวัตกรรมและดิจิทัลคอนเทนต์
ทั้งนี้ ศุภจีได้ให้แนวนโยบายในการหา partner ในจีน และเน้นขายสินค้าให้สอดคล้องตามเงื่อนไข/ความต้องการของตลาด (requirement) เพื่อให้สินค้าไทยไปได้เร็ว ไปได้ใหญ่ กว่าเดิม
“การทำงานต่อจากนี้จะไม่หยุดแค่การเจรจาจับคู่ธุรกิจหรือหาผู้กระจายสินค้า แต่ต้องก้าวไปอีกขั้น คือการสร้างพันธมิตรลงทุนร่วมกัน (Joint Venture) ระหว่างเอกชนไทยและจีน เพื่อร่วมพัฒนาและผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละภูมิภาคของจีน”
ปรับกลยุทธ์ค้าไทยรับทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจของจีน
ศุภจี ระบุอีกว่า ได้หารือกับผู้อำนวยการสำนักงานในจีนของกระทรวงพาณิชย์ถึงแนวทางปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจของจีน ภายใต้ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 15 ที่ หลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ประกาศในพิธีเปิดงานแสดงสินค้า China International Import Expo 2025 (CIIE 2025) โดยรัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว นวัตกรรม เทคโนโลยี และการเพิ่มรายได้ของชนชั้นกลาง
“เราจะถอดรหัสแผนพัฒนา 5 ปีของจีนเพื่อดูว่า ไทยสามารถตอบโจทย์ได้ตรงจุดไหน เช่น สินค้าเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค อาหารสัตว์ อาหารสุขภาพ เกม และสินค้าดิจิทัล เพราะจีนกำลังต้องการขยายกลุ่มประชากรที่มีรายได้ปานกลางจาก 400 ล้านคน เป็น 800 ล้านคน นั่นหมายถึงตลาดขนาดมหาศาลที่ไทยต้องเข้าให้ถึง” ศุภจี กล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะบูรณาการทำงานร่วมกันภายในกระทรวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายนอกกระทรวง เพื่อคัดเลือกผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพสูงจับคู่กับพันธมิตรจีนที่มีความพร้อมในการลงทุนและทำตลาดร่วมกัน เพื่อให้ “สินค้าไทยครองใจผู้บริโภคจีน” อย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยได้จัดงาน Harmony in Business เชื่อมสัมพันธ์ผู้ประกอบการไทย-จีน ที่เซี่ยงไฮ้ ช่วงงาน CIIE 2025 สานต่อ 50 ปีมิตรภาพไทย-จีน สร้างเครือข่าย เพิ่มโอกาสขยายตลาดสินค้าไทยในจีน
“ปี 2568 เป็นปีพิเศษที่ไทยและจีนก้าวสู่การครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน ความสัมพันธ์ที่ยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษนี้ ไม่เพียงหล่อหลอมด้วยสายสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและมิตรภาพอันแน่นแฟ้น แต่ยังถูกเสริมสร้างด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่แน่นหนา ซึ่งสะท้อนอยู่ในแนวคิด ‘Harmony in Business’ หรือ ‘ความปรองดองในธุรกิจ’ ที่เป็นหัวใจของงานในปีนี้” ศุภจี กล่าว


