×

‘เร่งด้วยกรีน รอดด้วยกัน’ สูตรแห่งความสำเร็จของชาติอาเซียน ในการก้าวข้ามผ่าน ‘วิกฤตซ้อนวิกฤต’

05.11.2025
  • LOADING...
‘เร่งด้วยกรีน รอดด้วยกัน’ สูตรแห่งความสำเร็จของชาติ อาเซียน ในการก้าวข้ามผ่าน ‘วิกฤตซ้อนวิกฤต’

HIGHLIGHTS

  • วิสัยทัศน์ 6 ผู้นำขององค์กรแนวหน้าของไทยและโลก สะท้อนภาพที่ชัดเจนถึงความเร่งด่วนของวิกฤตสภาพภูมิอากาศ เศรษฐกิจ และสังคม ที่อาเซียนกำลังเผชิญอยู่
  • SCG ได้แสดงให้เห็นถึงพลังของความร่วมมือข้ามภาคส่วนในการขับเคลื่อนโครงการคาร์บอนต่ำที่เป็นรูปธรรม
  • UN เน้นย้ำถึงความสำคัญของระบบพหุภาคีและความไว้วางใจระหว่างรัฐบาลและประชาชน, พร้อมบทบาทในการอำนวยความสะดวกให้เกิดการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม
  • โตโยต้าด้วยปรัชญา ‘ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง’ และ ‘เริ่มต้นด้วยการลงมือทำ’ กำลังบุกเบิกแนวทางหลากหลายเพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอนที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า
  • MIT ได้นำเสนอเครื่องมือทางวิชาการและพลังของ AI ในการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติสุดขั้วอย่างแม่นยำ
  • ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยย้ำ ถึงภาคการเงินมีบทบาทสำคัญในการ ‘ลดความเป็นสีน้ำตาล’

ภาพรวมเศรษฐกิจอาเซียน บนทางแพร่งของวิกฤตและโอกาส

 

ในห้วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญกับ “วิกฤตซ้อนวิกฤต” (polycrisis) ซึ่งเกิดจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจที่ผันผวน และวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่รุนแรง ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน กำลังยืนอยู่บนทางแพร่งที่สำคัญ แม้ภูมิภาคนี้จะมีศักยภาพการเติบโตที่น่าทึ่งด้วยเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติมากที่สุดในโลก ทั้งพายุไต้ฝุ่น ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น และความไม่มั่นคงทางพลังงาน

 

ความเปราะบางของอาเซียนยังถูกซ้ำเติมด้วยเงื่อนไขเฉพาะของภูมิภาค นั่นคือการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลสูง โครงสร้างเศรษฐกิจที่ประกอบด้วยบุคคลที่ประกอบอาชีพอิสระจำนวนมาก ส่งผลให้มีรายได้ต่ำและเครือข่ายความปลอดภัยทางสังคมที่อ่อนแอ ยิ่งไปกว่านั้น ประชากรมากกว่าสามในสี่อาศัยอยู่ในเขตชายฝั่ง และภาคเกษตรกรรมและการท่องเที่ยวก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

 

ด้วยเหตุนี้ การเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนในอาเซียนจึงต้องแตกต่างจากที่อื่น ต้องเป็นการเปลี่ยนผ่านที่ไม่เพียงแต่รวดเร็ว แต่ต้อง “ยุติธรรมและครอบคลุม” เพื่อให้มั่นใจว่าการเติบโตจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ผู้นำจากหลากหลายภาคส่วนจึงมารวมตัวกัน ณ เวที ESG Symposium 2025 เพื่อประกาศวิสัยทัศน์และจุดประกายความร่วมมือเพื่อสร้างการเปลี่ยนผ่านที่เท่าเทียมและขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน

 

มุมมองจากผู้นำ ทำไมต้องเร่งด้วยกรีนในอาเซียน?

 

ธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวในงาน ESG Symposium 2025 ว่า ความร่วมมือภาคเอกชนคือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญ ในการผลักดันให้เศรษฐกิจอาเซียนนั้นเจอทางรอด ท่ามกลางวิกฤตซ้อนวิกฤต และสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน

 

ธรรมศักดิ์เน้นว่า จากวิกฤตต่างๆ ที่เราพบเจอในปัจจุบัน ซึ่งที่เห็นและสัมผัสได้ชัดเจนที่สุดก็คือ วิกฤตซ้อนวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนทางเศรษฐกิจ และสภาพภูมิอากาศแปรปรวนรุนแรง คำถามสำคัญที่เราต้องตระหนักไม่ใช่ “เราควรดำเนินการหรือไม่” แต่เราต้องตระหนักและถามกันเองว่า “เราจะสร้างอนาคตที่ยั่งยืนได้อย่างไร”

 

‘เร่งด้วยกรีน รอดด้วยกัน’ สูตรแห่งความสำเร็จของชาติ อาเซียน ในการก้าวข้ามผ่าน ‘วิกฤตซ้อนวิกฤต’ 1

ธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี

 

สำหรับ SCG ในฐานะภาคเอกชนซึ่งเป็นผู้นำด้านการปฏิรูปเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว จะมุ่งเน้นการลงมือปฏิบัติจริง ผ่านโครงการความร่วมมือข้ามภาคส่วนหลายโครงการ

 

โดยโครงการที่เห็นได้ชัดที่สุด คือ โครงการ Saraburi Sandbox ซึ่งทำให้จังหวัดสระบุรีกลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทย และเป็นคลัสเตอร์อุตสาหกรรมแห่งที่ 3 ในอาเซียนที่เข้าร่วมโครงการ Transitioning Industrial Cluster ของ World Economic Forum ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในการสร้างการเปลี่ยนแปลง

 

นอกจากนี้ ยังมีโครงการ ‘Go Together’ ซึ่งเป็นโครงการที่จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างศักยภาพ SME กว่า 1,300 แห่งทั่วประเทศ SCG ได้ช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถของ SME เหล่านี้ในการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว รวมถึงการเร่งการเข้าถึงและนำเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานมาใช้ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตและสนับสนุนการเติบโตที่ยั่งยืน และหลักสูตร Net Zero Accelerator Program ซึ่งเป็นการจับมือกับพันธมิตร 12 ราย เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของ SME และหน่วยงานภาครัฐในการบรรลุเป้าหมาย Net Zero

 

การเปลี่ยนผ่านที่ ‘ยุติธรรม’ ต้องสร้างความไว้วางใจ

 

David McLachlan-Karr, Regional Director, UN Development Coordination Office (DCO), Asia-Pacific กล่าวบนเวทีเดียวกันว่า การเปลี่ยนผ่านที่ยุติธรรมต้องสร้างความไว้วางใจ โดยเขาย้ำว่า ความท้าทายของอาเซียนคือการต้องเปลี่ยนผ่านระบบเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง พร้อมกับสร้างความเชื่อมั่นว่าการเปลี่ยนผ่านนั้นต้อง “ยุติธรรมและครอบคลุม” ซึ่ง UN เข้ามามีบทบาทในการสนับสนุนรัฐบาลในภูมิภาค โดยเฉพาะการสนับสนุนโครงการความร่วมมือเพื่อการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่เป็นธรรม (Just Energy Transition Partnership) ในอินโดนีเซีย ซึ่งช่วยให้จังหวัดที่ผลิตถ่านหินสามารถออกแบบแผนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียวที่คำนึงถึงชุมชนและแรงงาน

 

เขาย้ำว่า การเปลี่ยนผ่านที่ยุติธรรมไม่ใช่แค่เรื่องทางเทคนิค แต่เป็นเรื่องของการมีส่วนร่วมและที่สำคัญที่สุดคือ “ความไว้วางใจระหว่างรัฐบาลและประชาชน”

 

‘เร่งด้วยกรีน รอดด้วยกัน’ สูตรแห่งความสำเร็จของชาติ อาเซียน ในการก้าวข้ามผ่าน ‘วิกฤตซ้อนวิกฤต’ 2

David McLachlan-Karr, Regional Director, UN Development Coordination Office (DCO), Asia- Pacific

 

สอดคล้องกับ Koji Sato President & CEO, Toyota Motor Corporation ที่เชื่อว่า การมี “แนวทางหลากหลาย” หรือ Multi-Pathway Approaches จะเป็นหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนผ่านอย่างยั่งยืน

 

Koji Sato ได้นำเสนอปรัชญา “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” และ ‘แนวทางหลากหลาย’ (Multi-Pathway Approaches) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน เนื่องจากบริบทของอาเซียนและประเทศไทยมีความหลากหลายในการใช้งานรถยนต์และแหล่งพลังงาน การพึ่งพาทางเลือกใดทางเลือกหนึ่งเพียงอย่างเดียวจึงไม่เหมาะสม

 

‘เร่งด้วยกรีน รอดด้วยกัน’ สูตรแห่งความสำเร็จของชาติ อาเซียน ในการก้าวข้ามผ่าน ‘วิกฤตซ้อนวิกฤต’ 3

Koji Sato President & CEO, Toyota Motor Corporation

 

มุมมองของ Koji Sato นั้น มาจาก DNA ของ Toyota ที่มุ่งมั่นพัฒนาโซลูชันที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฮบริด, รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV), หรือแม้กระทั่งการพัฒนาเชื้อเพลิงคาร์บอนเป็นกลางที่สามารถใช้กับรถยนต์ 20 ล้านคันที่มีอยู่บนท้องถนนในไทย เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนจะสามารถเข้าถึงการเดินทางที่ยั่งยืนได้

 

บทบาทของ AI จะชัดขึ้นในฐานะผู้ส่งสัญญาณ

 

ดร. Sai Ravela และ Prof. Miho Mazereeuw, MIT ชี้ให้เห็นความท้าทายอันเร่งด่วน หรือเรียกได้ว่าเป็นวิกฤตของอาเซียน ซึ่งก็คือ ภัยพิบัติธรรมชาติ

 

โดย Sai ชี้ให้เห็นว่า อาเซียนเป็นภูมิภาคที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมอย่างมหาศาล ซึ่งการปรับตัว (Adaptation) และการบรรเทาผลกระทบ (Mitigation) ต้องดำเนินการไปพร้อมกัน และบนเวทีนี้ Sai ได้นำเสนอการใช้เครื่องมือ AI ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เพื่อสร้างแผนที่ความเปราะบางของเมือง ซึ่งช่วยระบุจุดอันตรายและวางแผนรับมือความเสี่ยงจากภัยพิบัติได้อย่างแม่นยำ

 

ขณะที่ Miho ย้ำถึงเรื่องการมีส่วนร่วมของชุมชนในการปรับตัว โดยยกตัวอย่างจากญี่ปุ่นที่ชุมชนตัดสินใจที่จะไม่ย้ายถิ่นฐาน แต่ร่วมกันสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้งานได้สองแบบ (dual-use) เพื่อรับมือกับแผ่นดินไหวและสึนามิ

 

ซึ่งเธอชื่นชมว่า​ “นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนของการปรับตัวที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน”

 

บทบาทสำคัญของภาคการเงินในการ ‘ลดความเป็นสีน้ำตาล’

 

ดร.เศรษฐพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การเปลี่ยนผ่านในอาเซียนนั้น ต้อง ‘นำโดยภาครัฐอย่างมีนัยสำคัญ’ โดยภาคการเงินมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านนี้ ด้วยแนวคิด “อย่าให้ความสมบูรณ์แบบเป็นศัตรูของความดี” (Don’t let perfect be the enemy of good)

 

ดังนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงริเริ่มโครงการ ‘การเงินเพื่อการเปลี่ยนผ่าน’ (transition finance) ร่วมกับธนาคารพาณิชย์ 8 แห่ง เพื่อสนับสนุนธุรกิจที่ปล่อยคาร์บอนสูงให้สามารถ “ลดความเป็นสีน้ำตาล” (de-brown) ของเศรษฐกิจลงได้ โครงการนี้แสดงให้เห็นว่าแม้การวัดผลจะยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่การลงมือทำอย่างเป็นรูปธรรมก็สามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่จับต้องได้

 

บทสรุป: ความร่วมมือคือหนทางรอดเดียว

 

เสียงของผู้นำจากหลากหลายภาคส่วนล้วนส่งสารเดียวกันคือ การเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนในอาเซียนไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากการทำงานเพียงลำพัง ภูมิภาคนี้มีทั้งความเปราะบางและศักยภาพอันยิ่งใหญ่ ซึ่งต้องการการผนึกกำลังจากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการเงิน หรือภาควิชาการ อาเซียนมีโอกาสที่จะเป็นผู้นำในการสร้างอนาคตที่ไม่เพียงแต่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังยุติธรรมและครอบคลุมสำหรับทุกคน และการเปลี่ยนผ่านที่เท่าเทียมเพื่อความยั่งยืนของอาเซียนนี้คือการเดินทางร่วมกันที่ต้องการความมุ่งมั่นอย่างไม่หยุดยั้ง

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising