×

วีระยุทธ ปชน. กางแถลงการณ์ร่วม เทียบ ‘ไทย-เวียดนาม-มาเลเซีย’ ชี้ไทยยอมสหรัฐฯ มากกว่าเพื่อนบ้าน จี้รัฐบาลทบทวนความคุ้มค่า

โดย THE STANDARD TEAM
28.10.2025
  • LOADING...
วีระยุทธ ปชน. กางแถลงการณ์ร่วม เทียบ ‘ไทย-เวียดนาม-มาเลเซีย’ ชี้ ไทย ยอม สหรัฐฯ มากกว่าเพื่อนบ้าน จี้ รัฐบาลทบทวนความคุ้มค่า

วันนี้ (28 ตุลาคม) วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรคประชาชนและทีมเศรษฐกิจ ยก Joint Statement ที่สหรัฐฯ เซ็นกับไทย เทียบกับของเวียดนามและมาเลเซีย ฝาก 3 ประเด็นถึงรัฐบาลและทีมไทยแลนด์

 

1. ไทยซื้อเครื่องบิน 80 ลำ เวียดนามซื้อแค่ 50 ลำ ส่วนมาเลเซียแค่ 30 ลำ

 

สหรัฐฯ บีบให้ทั้ง 3 ประเทศต้องซื้อเครื่องบินเหมือนกัน แต่จำนวนที่ระบุไว้กลับต่างกัน โดยไทยเราเสนอซื้อเครื่องบินเยอะสุด จำนวน 80 ลำ รวมมูลค่า 18,800 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 600,000 ล้านบาท ส่วนเวียดนามตกลงไว้เพียง 50 ลำ ด้วยตัวเลข 8,000 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่ของมาเลเซียน้อยสุด คือเพียง 30 ลำ แต่ก็มีแปะไว้ว่า อาจจะมีเพิ่มอีกเท่าตัวได้

 

อย่างไรก็ดี ถ้ารวมตัวเลขที่เสนอให้สหรัฐฯ ไว้ ของมาเลเซียจะสูงสุด เพราะบอกไว้ว่าจะซื้อ (1) เซมิคอนดักเตอร์ (2) ส่วนประกอบอากาศยาน และ (3) อุปกรณ์สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ ทั้งหมดรวมกันถึง 150,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4.9 ล้านล้านบาท แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นกลุ่มอุปกรณ์ไฮเทค ที่เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ Silicon Valley of the East ของมาเลเซีย

 

ส่วนของไทย นอกจากเครื่องบินแล้ว ก็ระบุว่าจะซื้อพลังงานอีก 5,400 ล้านดอลลาร์ต่อปี และกลุ่มข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กับกากถั่วเหลืองอีก 2,600 ล้านดอลลาร์ต่อปี ในขณะที่เวียดนาม นอกจากข้อความในแถลงการณ์จะคลุมเครือที่สุดแล้ว ก็ยังใส่ตัวเลขผูกมัดต่ำสุด เพิ่มจากเครื่องบิน 50 ลำ ก็บอกแค่ว่าจะซื้อสินค้าเกษตรแบบกว้างๆ ไว้ ไม่ลงรายละเอียดอีกรวม 2,900 ล้านดอลลาร์

 

2. ไทยต้องยกเลิกรางวัลนำจับศุลกากร แล้วยังไปยอม Rare Earth ทั้งที่ไม่มีในแถลงการณ์ร่วม

 

จุดแตกต่างอีกประการคือ ไทยระบุเรื่องการทลายกำแพงภาษีไว้ชัดเจน ว่าจะยกให้สหรัฐฯ 99% ของรายการทั้งหมด ครอบคลุมทั้งสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตร ในขณะที่เวียดนามกับมาเลเซียเขียนแบบกว้างๆ ไว้ว่า จะยอมเปิดสิทธิพิเศษในการเข้าถึงตลาด หรือ preferential market access ให้กับสหรัฐฯ โดยไม่ระบุตัวเลขสัดส่วน

 

นอกจากนี้ แต่ละประเทศก็มีจุดโฟกัสที่สหรัฐฯ เพ่งเล็งไม่เหมือนกัน ตอนนี้สหรัฐฯ มียุทธศาสตร์ด้าน Rare earth หรือแร่หายาก จึงใส่ไว้ในแถลงการณ์กับมาเลเซีย ย้ำให้เปิดเสรีการซื้อและการผลิตให้สหรัฐฯ ส่วนของไทยไม่มีเรื่องนี้ใน Joint Statement แต่กลับไปเกิดในช่องทาง MOU ฉบับเฉพาะกิจเรื่องแร่หายากที่นายกรัฐมนตรีเราเพิ่งลงนามไปที่กรุงกัวลาลัมเปอร์

 

ที่ต่างจากประเทศอื่นอีกข้อคือ แถลงการณ์ร่วมเขียนไว้ชัดเจนว่าให้ไทยยกเลิกระบบ การจ่ายเงินสินบนและรางวัลนำจับ ของกรมศุลกากรที่ทำมายาวนาน เรื่องนี้ต้องติดตามต่อ และต้องเตรียมประเมินผลทั้งทางบวกทางลบต่อประเทศและกลไกราชการไว้ล่วงหน้า

 

3. ไทยยอมเปิดให้ถ่ายโอน ‘ข้อมูลดิจิทัล’ แบบเสรี แต่มาเลเซียมีการคุ้มครอง

 

ธุรกิจดิจิทัลเป็นอีกเรื่องที่ทั้งไทย เวียดนาม และมาเลเซีย โดนบีบให้ละเว้น ไม่เก็บภาษีหรือดำเนินมาตรการต่อบริการด้านดิจิทัลของสหรัฐฯ เหมือนกัน แต่ที่สะดุดตาคือเรื่องการ ‘ถ่ายโอนข้อมูลข้ามพรมแดน’ ซึ่งในแถลงการณ์ของไทย เรายอมเปิดให้มีการถ่ายโอนข้อมูล ‘โดยเสรี’ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจของสหรัฐฯ

 

แต่เรื่องเดียวกันนี้ในแถลงการณ์ของมาเลเซียกลับตัดคำว่า ‘free’ หรือ ‘โดยเสรี’ ออก แต่ย้ำว่าต้องมี ‘การคุ้มครองที่เหมาะสม’ จึงแสดงถึงรายละเอียดที่มาเลเซียตั้งใจใส่ไว้ เพื่อให้มีอำนาจและดุลยพินิจจัดการการถ่ายโอนข้อมูลดิจิทัลในอนาคต

 

วีระยุทธกล่าวต่อว่า แต่ถึงที่สุดแล้ว ประกาศที่ออกมานี้ยังมีสถานะเป็นเพียงแถลงการณ์ร่วมที่ไม่มีข้อผูกพันตามกฎหมายระหว่างประเทศ สิ่งที่อยากชวนรัฐบาลและทีมไทยแลนด์พิจารณาต่อคือ เมื่อต้องเดินหน้าต่อเพื่อหาข้อสรุปขั้นต่อไป ขอให้เราดูบทเรียนจากเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและเวียดนามด้วย เพื่อประเมินว่าสิ่งที่เราต้องนำไปแลกนั้น ‘คุ้ม’ กับอัตราภาษีที่ลดลง และเป็นธรรมกับผู้ที่ต้องรับผลกระทบของการเจรจาแค่ไหน ภายใต้มุมมองเปรียบเทียบกับไพ่ของประเทศอื่น

 

และจะยิ่งดีขึ้นอีก หากเราสามารถจับมือประเทศเพื่อนบ้านเพื่อต่อรองกับสหรัฐฯ ไปด้วยกัน อย่างน้อยๆ ก็ร่วมกันขีดเส้นไม่ให้ใครต้องแลกอะไรเกินตัว พลิกเกมจากที่สหรัฐฯ พยายามเจรจาแยกรายตัวมาตลอด ให้กลายเป็นเกมที่พันธมิตรอาเซียนจับมือกันยืนประจันหน้ายักษ์

 

อ้างอิง: https://www.facebook.com/share/p/1GahqL1uMT/

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising