วันนี้ (24 ตุลาคม) ที่ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง พร้อมด้วย กาญจนา สถาวร ประธานมูลนิธิกันจอมพลัง ช่วยสู้ และเจ้าหน้าที่บัญชี ได้เปิดแถลงข่าวเพื่อชี้แจงต่อสาธารณชนเกี่ยวกับประเด็นความโปร่งใสของเงินบริจาคและการดำเนินงานของมูลนิธิฯ หลังถูกตั้งข้อสงสัยหลายประเด็น
กาญจนา ได้เริ่มต้นด้วยการกล่าวขออภัยที่ตอบคำถามต่อสาธารณชนล่าช้า โดยระบุว่าในช่วงแรกข้อสงสัยมุ่งเป้าไปที่กัณฐัศว์เป็นการส่วนตัว จนกระทั่งสัปดาห์ที่ผ่านมาจึงเริ่มมีการตั้งคำถามถึงมูลนิธิโดยตรงจึงตัดสินใจออกมาแถลง
ประธานมูลนิธิฯ ยืนยันว่า กัณฐัศว์ ไม่มีชื่อเป็นประธานหรือกรรมการบริหาร ตามเอกสารการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิฯ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของข้อสงสัยจากสาธารณชนที่เข้าใจว่าเขาเป็นเจ้าของโดยตรง
พร้อมกันนี้ ได้เปิดเผยตัวเลขเงินบริจาคว่า เงินเข้ามูลนิธิฯ รวม 207,350,262.04 บาท ใช้ไปแล้ว 117,673,106.02 บาท และมีเงินคงเหลือในบัญชี 90,177,156.02 บาท ทั้งยังยืนยันว่ามูลนิธิฯ เปิดบัญชีเพียง 2 บัญชี และ ไม่มีการเบิกถอนเงินสด โดยได้รับการยืนยันจากตัวแทนบริษัทบัญชีด้วย
กัณฐัศว์ เสริมว่า หากมีผู้ให้ข้อมูลว่ามีการนำเงินออกไป ขอให้แสดงหลักฐานต่อสาธารณชน
ส่วนเรื่องที่ถูกตั้งคำถามคือ ข้อบังคับมูลนิธิฯ ข้อ 39 ที่ระบุว่า หากมูลนิธิต้องเลิกล้มไป ทรัพย์สินทั้งหมดจะถูกโอนให้แก่ มูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า กาญจนา ยอมรับว่า มูลนิธิฯ เป็นน้องใหม่ในการดำเนินการและไม่ทราบว่าต้องมีการระบุข้อมูลส่วนนี้ ยืนยันตามหลักกฎหมายว่าเมื่อมูลนิธิเลิกและชำระบัญชีเสร็จสิ้น ทรัพย์สินจะต้องโอนให้แก่มูลนิธิหรือองค์กรสาธารณกุศลภายใต้วัตถุประสงค์เดียวกัน ซึ่งในขณะก่อตั้งไม่ได้สนิทสนมกับมูลนิธิอื่น
แต่ทางมูลนิธิธรรมนัสฯ พร้อมที่จะยอมรับทั้งทรัพย์สินและวัตถุประสงค์ต่อ ถือว่ามีความเหมาะสมที่สุด ณ เวลานั้น ยืนยันว่าเงินไม่สามารถถูกโยกย้ายไปที่ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นการส่วนตัวได้ และที่ผ่านมามูลนิธิฯ เคยโอนเงินบริจาคส่วนของแจ็คสัน หวัง ประมาณ 3 ล้านบาท ให้แก่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ และมูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ประธานมูลนิธิฯ ยอมรับว่า คิดน้อย ในส่วนนี้เนื่องจากรีบดำเนินการก่อตั้ง และได้มีการหารือกับทีมงานแล้วว่าจะมีการ ปรับแก้ข้อบังคับที่ 39 โดยกัณฐัศว์ยืนยันว่า จะประสานไปที่มูลนิธิที่มีความมั่นคงและมีศักยภาพเพื่อเปลี่ยนแปลงต่อไป เนื่องจากหลายคนไม่สบายใจ
กัณฐัศว์ ชี้แจงเหตุผลที่ไม่เป็นประธานมูลนิธิฯ เองในตอนแรก เพื่อให้สามารถช่วยคนอย่างต่อเนื่องแม้ตนจะไม่อยู่ และมองว่าการที่ไม่มีอำนาจควบคุมโดยตรงจะมีความโปร่งใสมากกว่า อย่างไรก็ตาม หลังรับทราบข้อกังขาจากสาธารณชนแล้ว จึงตัดสินใจว่า จะเข้าบริหารมูลนิธิด้วยตนเอง เพื่อสร้างความพอใจและความเชื่อมั่น
ส่วนความสัมพันธ์กับ ร.อ. ธรรมนัส นั้น กาญจนา ระบุว่ารู้จักในฐานะนักการเมือง การเลือกมูลนิธิธรรมนัสฯ เป็นการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิ ไม่ใช่การคุยส่วนตัวกับ ร.อ. ธรรมนัส กัณฐัศว์ ยอมรับว่า มีความสนิทสนม กับ ร.อ. ธรรมนัส แต่ยืนยันว่าการได้รับงานของกระทรวงเกษตรฯ เป็นเพียงการถูกเชิญไปทำงานเพียง 7 งาน จากงานรวมกว่า 10,000 งานในช่วง 2 ปี ยืนยันไม่มีการฮั้ว และไม่เคยได้รับเงินเดือนค่าตอบแทนจากมูลนิธิฯ
นอกจากนี้ รักชนก ศรีนอก สส. กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน และ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ได้เดินทางมาถึงและตั้งคำถามเพิ่มเติม
รักชนก ตั้งคำถามถึงการที่กัณฐัศว์ปฏิเสธความสนิทสนมกับ ร.อ. ธรรมนัส และแสดงความเป็นห่วงว่ากัณฐัศว์กำลังเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อสนับสนุนกลุ่มการเมืองใดกลุ่มหนึ่งหรือไม่ รวมถึงการตั้งคำถามถึง สส. รังสิมันต์ โรม ในประเด็นติดกล้องวงจรปิดชายแดนว่าเป็นการโจมตีพรรคประชาชนหรือไม่
กัณฐัศว์ ยืนยันว่า ไม่เคยใส่เสื้อของ ร.อ. ธรรมนัส และเวทีที่ขึ้นไปร่วมเป็นเพียงงานฉลองไม่ใช่เวทีการเมือง ย้ำว่า จะไม่ลงเล่นการเมือง พร้อมเปิดหลักฐานแชทสนทนากับ สส. พรรคประชาชน เพื่อยืนยันความตั้งใจจริงในการช่วยเหลือ และการพูดถึง รังสิมันต์ โรม เป็นการสะท้อนความจริงจากพื้นที่
ณวัฒน์ สอบถามถึงการที่ประธานมูลนิธิฯ ไม่เคยเปิดเผยตัวตนต่อสาธารณชน และสอบถามถึง ความเป็นไปได้ในการขอเงินบริจาคคืน หากประชาชนไม่สบายใจ
ประธานมูลนิธิฯ ระบุว่า ประเด็นการขอเงินบริจาคคืนเป็นเรื่องที่ต้องหารือในมูลนิธิฯ แต่ กัณฐัศว์ ยืนยันว่า หากณวัฒน์ไม่พอใจ ตนยินดีจะใช้เงินส่วนตัวจ่ายคืนให้เป็นการรับผิดชอบเอง พร้อมรับปากว่าจะรีบให้คำตอบต่อสาธารณชนในวันจันทร์ที่ 27 ตุลาคมนี้
ทั้งนี้กัณฐัศว์ ประกาศว่า วันนี้ เวลา 14.00 น. จะเดินทางไปกระทรวงมหาดไทยเพื่อขอให้ตรวจสอบปมทุจริต ‘มูลนิธิกันจอมพลัง ช่วยสู้’ เพื่อพิสูจน์ความโปร่งใส
สุดท้ายกัณฐัศว์ กล่าวว่า แม้จะท้อแต่ “มูลนิธิกันจอมพลัง ช่วยสู้” จะยังคงเดินหน้าต่อไป และจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าสิ่งที่ช่วยเหลือมาทำด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่ใช่เพื่อการเมือง



