×

สหรัฐฯ-จีน ยกระดับสงครามการค้า ขู่ภาษี 155% ดันทองคำจ่อทะยานทำจุดสูงสุดใหม่ 4,500 ดอลลาร์

24.10.2025
  • LOADING...
สหรัฐฯ-จีน ยกระดับสงครามการค้า ขู่ภาษี 155% ดันทองคำจ่อทะยานทำจุดสูงสุดใหม่ 4,500 ดอลลาร์

สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง! หลังจีนจำกัดการส่งออก ‘แร่หายาก’ อาวุธทางเศรษฐกิจใหม่ ขณะที่ประธานาธิบดี Trump ขู่ตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีถึง 155% หากการเจรจาที่ APEC ล้มเหลว ความตึงเครียดครั้งนี้ไม่เพียงแต่กดดันห่วงโซ่อุปทานโลกเท่านั้น แต่ยังถูกมองเป็นชนวนสำคัญที่อาจผลักดันให้ ‘ทองคำ’ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ทะยานขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่แตะระดับ 4,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง เปิดเผยว่า ความตึงเครียดของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง หลังจีนประกาศมาตรการควบคุมการส่งออก ‘แร่หายาก’ ที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการทหารของโลกอย่างเข้มงวด ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตอบโต้ด้วยการขู่ว่า อาจเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่ม 155% เริ่มต้นในวันที่ 1 พ.ย.นี้ หากการเจรจาการค้าระหว่างสองประเทศไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้

 

ทั้งนี้ ประเด็นการค้าทั้งหมดจะถูกนำขึ้นสู่โต๊ะเจรจาระหว่าง ทรัมป์ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ในช่วงหลังการประชุม APEC ปลายเดือนตุลาคมนี้ โดยทรัมป์ประกาศ 3 เงื่อนไขหลักที่จีนต้องยอมรับ คือ แร่หายาก ถั่วเหลือง และเฟนทานิล และหากการเจรจาล้มเหลว จะเป็น ‘ชนวน’ ให้ราคาทองคำทะยานขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง โดยยังคงมองเป้าหมายที่ระดับ 4,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

การปะทุของสงครามการค้าด้วยอาวุธทางเศรษฐกิจใหม่

 

สงครามการค้าระหว่างสองมหาอำนาจโลกกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเคยกล่าวว่าอัตราภาษีศุลกากรระดับสูงที่สหรัฐฯ ใช้ตอบโต้จีน ‘ไม่สามารถคงอยู่ได้ในระยะยาว’ แต่การกระทำล่าสุดของจีนในการควบคุมการส่งออกแร่หายาก และการที่จีนนำเข้าถั่วเหลืองจากบราซิล และอาร์เจนตินา ทดแทนการนำเข้าจากสหรัฐฯ ได้เปลี่ยนโฉมหน้าของความขัดแย้ง โดยเปลี่ยนจาก ‘สงครามภาษี’ ไปสู่ ‘สงครามรูปแบบผสม (Hybrid Warfare)’ ซึ่งจะมีการเจาะลึกเพิ่มเติมหลังจากนี้

 

ล่าสุด สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า จีนได้ขยายมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากอย่างมีนัยสำคัญ โดยมาตรการใหม่ที่เริ่มเมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กำหนดให้บริษัททั้งในจีนและต่างประเทศ ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐบาลจีนในการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของแร่หายากของจีน แม้จะมีสัดส่วนเพียง 0.1% ของมูลค่าสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชิ้นส่วนแม่เหล็กและวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ นอกจากนี้ ยังห้ามการส่งออกเพื่อวัตถุประสงค์ทางการทหารของต่างประเทศโดยเด็ดขาด

 

ขณะเดียวกัน สำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยเมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่ายอดนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ในเดือนกันยายน 2568 ลดลงเป็นศูนย์ จากเดิม 1.7 ล้านเมตริกตันในเดือนเดียวกันของปีก่อน สวนทางกับการสั่งซื้อจากบราซิลที่เพิ่มขึ้น 29.9% เป็น 10.96 ล้านตัน และจากอาร์เจนตินาที่พุ่งขึ้น 91.5% เป็น 1.17 ล้านตัน

 

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในกฎหมาย HALT Fentanyl Act ซึ่งจัดให้ยาเฟนทานิลเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 อย่างถาวร ทำให้การผลิต จำหน่าย ครอบครอง หรือนำเข้า มีโทษร้ายแรงตามกฎหมายอาญาของรัฐบาลกลาง

 

การควบคุมนี้สร้างความกังวลให้กับสหรัฐฯ เนื่องจากจีนครองอำนาจในการแปรรูปแร่หายาก ประมาณ 85-90% ของโลก และครองอำนาจการส่งออกแร่หายาก ประมาณ 70% ของโลก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง ยานยนต์ไฟฟ้า เซมิคอนดักเตอร์ และยุทโธปกรณ์ทางการทหาร อีกทั้งการที่จีนหยุดนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ยังเป็นการสร้างความสั่นคลอนให้กับฐานเสียงของพรรครีพับลิกันของทรัมป์โดยตรง การดำเนินการของจีนถูกมองว่าเป็น ‘เครื่องมือบีบบังคับทางเศรษฐกิจและการเมือง’ เพื่อต่อรองให้สหรัฐฯ ผ่อนคลายมาตรการควบคุมชิปและเทคโนโลยี

 

3 เงื่อนไขหลักของทรัมป์ และการตอบโต้ของจีน

 

เพื่อตอบโต้มาตรการของจีน ทรัมป์ได้ขู่ที่จะขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 155% อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ได้ส่งสัญญาณว่าอาจพิจารณาลดภาษีลง หากจีนยอมรับเงื่อนไขหลัก 3 ประการในการเจรจาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในการประชุม APEC ที่เกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 31 ต.ค. – 1 พ.ย. นี้

 

เงื่อนไขเหล่านั้น ได้แก่:

  • แร่หายาก: ทรัมป์กล่าวว่า “ผมไม่ต้องการให้พวกเขาเล่นเกมแร่หายากกับเรา” โดยเรียกร้องให้จีนยกเลิกข้อจำกัดการส่งออก
  • ถั่วเหลือง: เรียกร้องให้จีนกลับมาซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ในปริมาณที่ใกล้เคียงกับในอดีต หลังพบว่าในเดือนกันยายนที่ผ่านมา จีนได้ลดปริมาณการนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ลงเหลือศูนย์ และหันไปพึ่งพาอุปทานจากอเมริกาใต้แทน ซึ่งถือเป็น ‘การกระทำที่เป็นปรปักษ์ทางเศรษฐกิจ’
  • เฟนทานิล: ต้องการให้จีน ‘หยุดส่งเฟนทานิล’ โดยกล่าวหาว่าจีนล้มเหลวในการควบคุมการส่งออกยาเสพติดและสารตั้งต้น ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของวิกฤตยาเสพติดในสหรัฐฯ

 

ตลาดทุนผันผวน: หุ้นร่วง ทองคำพุ่ง

 

มาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากของจีนและการตอบโต้ของสหรัฐฯ ด้วยการขู่ขึ้นภาษี 155% ส่งผลกระทบต่อตลาดโลกอย่างรุนแรง โดยตั้งแต่ที่มีข่าวออกมา มูลค่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ หายไปกว่า 1.5 ถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์

 

ฮั่วเซ่งเฮง ประเมินว่า การเจรจาหลังการประชุม APEC ครั้งนี้เป็นเดิมพันที่สูงมาก หากการเจรจาล้มเหลวและไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญเหล่านี้ได้ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลกจะกลับมาปกคลุมตลาด ทำให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) มีโอกาสที่จะทะยานขึ้นอีกครั้ง

 

หากมีการฟื้นตัว ยังคงมองเป้าหมายที่ระดับ 4,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (เทียบเท่าทองคำแท่งในประเทศประมาณบาทละ 69,100 บาท) ซึ่งอาจทำให้ผลตอบแทนทองคำในปีนี้พุ่งทะลุ 70%

 

ในทางกลับกัน หากผลการเจรจาออกมาเป็นบวกและมีการบรรลุข้อตกลงบางส่วน อาจทำให้ราคาทองคำปรับฐานลงมา ซึ่งจะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อบริเวณแนวรับสำคัญที่ 4,000 และ 3,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (เทียบเท่ากับทองคำแท่งในประเทศประมาณบาทละ 61,900 และ 61,100 บาทตามลำดับ) เนื่องจากตลาดยังคงมีปัจจัยหนุนทองคำในระยะยาว ทั้งประเด็นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อาจชะลอตัวและทิศทางดอกเบี้ยขาลงในปีหน้า

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising