ในยุคที่การลงทุนกลายเป็นเรื่อง ‘เข้าถึงได้ง่าย’ และใกล้ตัวมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนรายใหม่ ๆ ตบเท้าเข้าสู่ตลาดกันอย่างคึกคักเพื่อวางแผนการสร้างรายได้ในรูปแบบความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ควบคู่ไปกับอาชีพหลักที่ทำอยู่ในปัจจุบัน
ปรากฏการณ์ดังกล่าวมีส่วนไม่น้อยที่ทำให้ธนาคารและสถาบันที่ดำเนินงานด้านการลงทุนหลายแห่งภายใต้การกำกับและดูแลของ ก.ล.ต. จำเป็นจะต้องปรับตัว เพิ่มทางเลือกการลงทุนของตนเองให้หลากหลาย และครอบคลุมความต้องการของบรรดานักลงทุนให้มากเพียงพอตามไปด้วย เพื่อตอบสนองอุปสงค์ดังกล่าว
เช่นเดียวกันกับ ‘ธนาคารกรุงไทย’ ที่พวกเขาก็มีทางเลือกการลงทุนในหุ้นต่างประเทศผ่านผลิตภัณฑ์อย่าง DR หรือ Depositary Receipt (ตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศที่ธนาคารกรุงไทยออกเพื่อให้นักลงทุนไทยสามารถ ลงทุนหุ้นนอกได้ง่ายขึ้นด้วยสกุลเงินบาท และไม่จำเป็นต้องเปิดบัญชีต่างประเทศ) ไว้รองรับกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการขยายพอร์ทตัวเอง
ผงาดขึ้นแท่นผู้นำตลาด DR ด้วย Market Cap กว่า 50%
ปัจจุบันมีการเปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทยได้ขึ้นแท่นการเป็นผู้นำในตลาด DR เป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่พวกเขาครอง Market Cap หรือมูลค่าตามราคาตลาดสูงเป็นลำดับหนึ่ง หรือเทียบเท่าในสัดส่วนถึงราว 50% ภายใต้แบรนด์ ‘Krungthai DR80’
ซึ่งไมล์ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เปรียบได้ดั่งภาพสะท้อนที่เหล่านักลงทุนมีต่อการลงทุนผ่านธนาคารกรุงไทยในฐานะตัวแทนของพวกเขาได้เป็นอย่างดี
รวินทร์ บุญญานุสาสน์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวถึงมูฟเมนท์ในครั้งนี้ไว้ว่า กรุงไทยได้มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ลงทุนที่ตอบโจทย์ทุกสภาวะตลาด ภายใต้แนวคิด Krungthai Investment ก้าวสู่การลงทุนที่คุณวางแผนได้
โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ Krungthai DR80 ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือน ‘สะพานเชื่อมการลงทุนหุ้นโลก’ ช่วยให้นักลงทุนไทยกระจายพอร์ตสู่หุ้นระดับโลกได้สะดวก ทั้งยังช่วยยกระดับศักยภาพตลาดทุนไทยในระยะยาว
ปัจจุบัน DR80 ได้กลายเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์นักลงทุนไทยทั้งรายย่อยและสถาบัน ได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวาง ด้วยจุดเด่นของการเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถลงทุนด้วยสกุลเงินบาท ซื้อขายสะดวกบนตลาดหลักทรัพย์ไทย เหมือนหุ้นไทยทั่วไป และมีผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) อย่างต่อเนื่องทั้งกลางวัน และกลางคืน ครอบคลุมช่วงเวลาการซื้อขายของตลาดหุ้นหลักทั่วโลก
Krungthai DR80 ครอบคลุมหลักทรัพย์ชั้นนำ 49 หลักทรัพย์ใน 5 หมวดการลงทุนหลัก ได้แก่
- Consumer & Lifestyle ได้แก่ Amazon (AMZN80), Alibaba (BABA80), Nike (NIKE80), L’Oréal (LOREAL80), Starbucks (SBUX80), Booking Holdings (BKNG80), Meituan (MEITUAN80), Trip.com (TRIPCOM80) และอีกหลายแบรนด์ระดับโลก
- Global Technology & Innovation ได้แก่ Apple (AAPL80), Microsoft (MSFT80), NVIDIA (NVDA80), Alphabet–Google (GOOG80), Meta (META80), Tencent (TENCENT80), Sony (SONY80), Netflix (NFLX80), และ Baidu (BIDU80)
- Financials & Investment ได้แก่ Berkshire Hathaway (BRKB80), Visa (VISA80), Mastercard (MA80), Ping An Insurance (PINGAN80), Nikkei 225 ETF (NIKKEI80)
- Healthcare & Biotech ได้แก่ Novo Nordisk (NOVOB80), Eli Lilly (LLY80), Sanofi (SANOFI80)
- Mobility & Energy ได้แก่ Tesla (TSLA80), Toyota (TOYOTA80), Ferrari (FERRARI80), BYD (BYDCOM80), CATL (CATL80), Geely (GEELY80)
เดินหน้าแผนดัน DR80 เติบโต เร่งขยายตลาดครอบคลุมหุ้นต่างประเทศที่หลากหลายกว่าเดิม
นอกเหนือจากนี้ ธนาคารกรุงไทยยังได้ประกาศถึงความตั้งใจของพวกเขาในการเดินหน้าพัฒนาและขยายผลิตภัณฑ์ DR ให้สามารถเพิ่มโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ ที่หลากหลายให้กับบรรดานักลงทุน ภายใต้แบรนด์ Krungthai DR80
โดยเตรียมเพิ่มทางเลือกการลงทุนใน ETF ต่างประเทศ และหุ้นรายตัวจากตลาด ‘หุ้นจีน’ เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนได้อย่างหลากหลายและต่อเนื่องในหลาย ๆ เซกเมนต์ความสนใจ
นักลงทุนสามารถซื้อขาย DR80 ได้ผ่านแอป Streaming ทุกโบรกเกอร์ ด้วยขั้นตอนเหมือนหุ้นไทย พร้อมติดตามข้อมูลและราคาหุ้นอ้างอิงแบบเรียลไทม์ได้ที่ https://krungthai.com/link/thestandard-dr80


