หลังจากเมื่อวันที่ 7 กันยายนปีนี้ที่ผ่านมา อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เปิดตัว วรภัค ธันยาวงษ์ หนึ่งในโควตารัฐมนตรีคนนอก อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย หรือ KTB ที่พรรคภูมิใจไทย โดยนายกฯ ได้ทาบทามให้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
ประเด็นสำคัญ
- เปิดประวัติ ‘วรภัค’ อดีต รมช. คลัง
- เปิดเส้นทางการทำงานเคยนั่งสถาบันการเงินชั้นนำหลายแห่ง
- ฝ่ายค้านอภิปราย ‘วรภัค’ นั่งรมช. คลัง ‘ไม่เหมาะสม’
- เลิศศักดิ์ อภิปรายถึงพฤติการณ์อนุมัติสินเชื่อ 2 กรณีที่น่าสงสัย
- ‘วรภัค’ เคยแจงสภาฯ ปมถูกโยงเกี่ยวคดี ‘เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ’
- ถูกกล่าวหาเชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรรมชาวจีน-กัมพูชา
- ย้อนรอยสะพัดตั้ง ‘วรภัค’ นั่งประธานคณะทำงานแก้ปัญหาสแกมเมอร์
- ‘ไทยสร้างไทย’ ค้านตั้ง ‘วรภัค’ คุมทีมปราบสแกมเมอร์
- ‘วรภัค’ ยืนยันไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องธุรกิจผิดกฎหมายในกัมพูชา
- ‘วรภัค’ ประกาศลาออกจาก รมช.คลัง มีผลตั้งแต่ 22 ต.ค.
- ‘สฤณี’ แนะฟ้อง BIC Group อ้าง ‘วรภัค’ เป็นที่ปรึกษา
- ย้อนนโยบายเศรษฐกิจสำคัญ ‘วรภัค’ ในฐานะ รมช. คลัง
ในการเปิดตัว วรภัค ครั้งนั้น นายกรัฐมนตรี อนุทิน อธิบายถึงสาเหตุที่ทาบทาม วรภัค มาร่วมงานกับรัฐบาล ช่วยงาน ดร. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เนื่องจาก วรภัคเป็นทีมเจรจาเรื่องภาษี สหรัฐ ถือเป็นการสานต่อให้เกิดความต่อเนื่อง รวมถึงตลาดทุน สำหรับ วรภัค ถือเป็นอดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) ในช่วงปี 2556-2559 และเป็นอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในสมัยพิชัย ชุณหวชิร ที่มาช่วยทำงานสำคัญคือการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ ในยุคของรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร ดังนั้นต้องการให้งานที่พิชัยทำไว้ต้องได้รับการสานต่อ ไม่ต้องเริ่มใหม่ หรือไปศึกษาเพราะกระทรวงการคลังเป็นกระทรวงที่สำคัญ และรู้จักกันมา 30-40 ปี แล้ว
บรรยากาศที่พรรคภูมิใจไทย เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เปิดตัว วรภัค ธันยาวงษ์ หนึ่งในโควตารัฐมนตรีคนนอก อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย หรือ KTB
ด้านวรภัค ระบุในวันเปิดตัวที่พรรคภูมิใจไทย ระบุว่า รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติที่ท่านนายกชวนมาร่วมงาน วันนี้เป็นวันแรกที่เดินเข้าพรรคการเมือง และช่วงที่ช่วยพิชัย เพราะรู้จักมาเกือบ 30 ปี ท่านเป็นคนดีคนเก่ง ตั้งใจทำงาน ส่วนตนอยู่ในส่วนตลาดเงินตลาดทุนมานาน ซึ่งพิชัยเป็นพี่เลี้ยงและกระทรวงการคลังก็มีบุคลากรเก่งๆ ซึ่งความท้าทายของเมืองไทยมีความหลากหลาย ทั้งหนี้สาธารณะ หนี้ภาคครัวเรือน รายรับ รายจ่ายของประเทศ
ทั้งนี้ เชื่อว่าเป็นการเลือกบุคลากรเพื่อช่วยเหลือประเทศจริงๆ และตนไม่ได้เป็นนักการเมือง และรู้จักท่านนายกฯ มานาน ศรัทธาท่านมานาน เต็มใจมาช่วยงาน สานต่อให้ไม่สะดุด ซึ่งระยะเวลา 4 เดือน ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรู้ความเป็นไปของประทรวงอยู่แล้ว เชื่อว่าจะสามารถต่อเนื่องงานได้เลย
เปิดประวัติ ‘วรภัค’ อดีต รมช. คลัง
วรภัค ธันยาวงษ์ เกิดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2507 มีภรรยา คือ กนกพร ธันยาวงษ์ ซึ่งมีบุตรและธิดา รวมจำนวน 4 คน
- สำเร็จการศึกษาระดับ ปริญญาตรี BS in Management Science & Computer System, Oklahoma State University, Stillwater, USA
- สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท จาก MBA in Finance University of Missouri, Kansas City, USA
- ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
เปิดเส้นทางการทำงานเคยนั่งสถาบันการเงินชั้นนำหลายแห่ง
สำหรับประวัติการทำงานเคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในองค์กรชั้นนำทั้งในภาคธุรกิจ ภาคตลาดเงินและตลาดทุน ดังนี้
- เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านลิซซิง บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด
- กรรมการผู้จัดการใหญ่ Bank of American (สาขาประเทศไทย)
- กรรมการผู้จัดการ ธนาคารดอยซ์แบงก์ สาขาประเทศไทย
- กรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธนาคารเจพี มอร์แกน เชส และบริษัทหลักทรัพย์เจพีมอร์แกน (ประเทศไทย) จำกัด
- รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ประธาน
- ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ฟินันซ่า จำกัด
- กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย
นอกจากนั้นยังดำรงตำแหน่งกรรมการในบริษัทอื่นๆ อีกหลายบริษัท
จากนั้นในวันที่ 19 กันยายน 2568 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งวรภัคเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง โดยนับตั้งแต่ชื่อ วรภัค ถูกเปิดเผยมาต่อสาธารณะว่าจะมานั่งเป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เริ่มเกิดคำถามในสังคมว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ โดยเฉพาะจากพรรคฝ่ายค้าน
ฝ่ายค้านอภิปราย ‘วรภัค’ นั่งรมช. คลัง ‘ไม่เหมาะสม’
โดยเมื่อวันที่ 29-30 กันยายน 2568 ในการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณานโยบายรัฐบาล เลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดเลย พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นอภิปรายตั้งคำถามถึงความโปร่งใสในการแต่งตั้ง วรภัค ธันยาวงษ์ เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (รมช. คลัง) ทั้งที่ยังมีรายชื่อเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีทุจริตของ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH
ในการอภิปราย เลิศศักดิ์ ระบุว่า การแต่งตั้งบุคคลที่มีข้อกล่าวหาในคดีฉ้อโกงครั้งใหญ่ที่สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและนักลงทุนมูลค่านับหมื่นล้านบาท เข้ามานั่งในตำแหน่งกำกับดูแลสถาบันการเงินนั้นเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม
โดยเลิศศักดิ์ อ้างถึง เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้แจ้งข้อกล่าวหา วรภัค ธันยาวงษ์ (ในขณะนั้นดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)) กับพวกรวม 32 คน ในข้อกล่าวหาร่วมกันอนุมัติสินเชื่อโดยแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จและปกปิดความจริง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้บริษัท EARTH ได้รับวงเงินสูงเกินกว่าหลักเกณฑ์ของธนาคาร
เลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สส. จังหวัดเลย พรรคเพื่อไทย
เลิศศักดิ์ อภิปรายถึงพฤติการณ์อนุมัติสินเชื่อ 2 กรณีที่น่าสงสัย
- อนุมัติเงินกู้ระยะยาวหลายพันล้านบาท โดยใช้ ‘เหมืองปลอม’ 2 แห่งในประเทศอินโดนีเซียมาค้ำประกัน ซึ่งมีการตรวจสอบพบว่าเหมืองบางแห่งอยู่ในป่าทึบ หรือมีการถ่ายภาพป่าหินมาใช้ประกอบการอนุมัติสินเชื่อ
- อนุมัติสินเชื่อให้บริษัท เอิร์ธ โฮลดิ้ง จำกัด นำเงินไปซื้อหุ้นบริษัท EARTH ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเข้าข่ายเป็นการปั่นราคาหุ้น และสร้างความน่าเชื่อถือเทียมให้กับบริษัท จนสามารถออกหุ้นกู้มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาทขายให้ประชาชนเกือบ 6,000 คน
ในการอภิปราย เลิศศักดิ์ ตั้งคำถามต่อ นายกรัฐมนตรี อนุทิน ถึงความเหมาะสมในการแต่งตั้งบุคคลที่มีส่วนร่วมในการอนุมัติสินเชื่อที่นำมาซึ่งความเสียหายดังกล่าว และหากในอนาคต ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด จะตอบประชาชนอย่างไร
‘วรภัค’ เคยแจงสภาฯ ปมถูกโยงเกี่ยวคดี ‘เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ’
ในครั้งนั้น วรภัค ได้ลุกขึ้นชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภา โดยยืนยันว่า ตนเข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2555 และบริษัท EARTH เป็นลูกค้ามานานหลายปี โดยเป็นลูกค้าชั้นดีมาตลอด และมีตัวเลขยอดขายและกำไรที่เติบโตต่อเนื่อง
“ความเสียหายที่แท้จริงนั้น ผมครบวาระปลายปี 2559 ออกจากกรรมการของธนาคารกรุงไทย บริษัทดังกล่าวเป็น NPL ในเดือนพฤษภาคม ปี 2560” วรภัคชี้แจง
วรภัค ยืนยันว่า บริษัท EARTH ไม่เหมือนกับบริษัท สตาร์ค ที่ถูก ก.ล.ต. ร้องเพราะตกแต่งบัญชี โดยบริษัท EARTH ไม่เคยถูก ก.ล.ต. ร้องทุกข์กล่าวโทษในขณะที่เป็นลูกค้าของธนาคารกรุงไทย และความเสียหายที่แท้จริงตามรายงานที่ปรึกษาทางการเงิน เกิดจาก ‘วิกฤตสภาพคล่อง’ และการที่เจ้าหนี้รายใหญ่ดึงวงเงินอย่างฉับพลัน
วรภัค ธันยาวงษ์ อดีต รมช.คลัง
อย่างไรก็ตาม เลิศศักดิ์ ได้ใช้สิทธิ์พาดพิง โดยแย้งว่ามีข้อพิสูจน์แล้วว่า เหมืองที่ค้ำประกันเงินกู้ไม่มีจริง ซึ่ง รมช. คลัง ชี้แจงกลับว่า กรณีเหมืองไม่จริงยังอยู่ในขั้นตอนพิสูจน์ของ ป.ป.ช. และตนเป็นเพียงคณะกรรมการกลั่นกรองสินเชื่อ ไม่ใช่ผู้อนุมัติหุ้นกู้
วรภัคกล่าวต่อว่า สำนวนที่อยู่กับ ป.ป.ช. มีอยู่พอสมควร และจากการเรียกให้ปากคำของ ป.ป.ช. อีกไม่กี่เดือนจะสรุปและข้อเท็จจริงปรากฏ ไม่เกินสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า และทุกคนจะเห็นว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
ถูกกล่าวหาเชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรรมชาวจีน-กัมพูชา
นอกจากนี้ วรภัคยังถูกกล่าวหาว่ามีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรรมชาวจีน-กัมพูชา ซึ่ง Tom Wright เป็นผู้เขียนบทความ ส่วนหนึ่งได้ของข้อมูลในบทความได้พยายามเชื่อมโยง BIC Group และ BIC Bank กัมพูชา รวมถึง Leak Yim ประธานกรรมการของ BIC Bank และยังพยายามเชื่อมโยงไปยัง Benjamin Mauerberge หรือ เบน สมิท ซึ่งในวันที่ 30 กันยายน ที่ผ่านมา
อีกทั้ง รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เคยอภิปรายพาดพิงถึง เบน สมิท ว่าเป็นสแกมเมอร์, แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และกลุ่มทุนสีเทา ส่งผลให้วันที่ 6 ตุลาคม เบน สมิท ได้มอบอำนาจให้ทนายความ คือ ธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ได้ดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีทั้งในคดีอาญาและคดีแพ่ง เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท จากการอภิปรายของรังสิมันต์ ดังกล่าว ได้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อธุรกิจของเบนทั้งในประเทศไทยและสิงคโปร์
รังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน
ขณะที่ Benjamin Mauerberge นักธุรกิจชาวแอฟริกาใต้ ได้ออกแถลงการณ์เป็นภาษาไทย เพื่อตอบโต้และชี้แจงข้อกล่าวหาที่พาดพิงถึงเขา แถลงการณ์ส่วนหนึ่งระบุว่า “ในบรรดาข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จทั้งหลาย ข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงที่สุดได้แก่ ข้อกล่าวหาที่ว่าผมมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการฟอกเงิน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการค้ามนุษย์ในประเทศกัมพูชา ผมขอยืนยันว่า ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องที่ถูกกล่าวหาทั้งสิ้น ไม่ว่าทั้งในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต”
ย้อนรอยสะพัดตั้ง ‘วรภัค’ นั่งประธานคณะทำงานแก้ปัญหาสแกมเมอร์
ท่ามกลางนานาประเทศ ทั้งเกาหลีใต้, สหรัฐฯ, สหรัฐราชอาณาจักร ต่างเคลื่อนไหวกดดันแก้ไขปัญหากวาดล้างปัญหาสแกมเมอร์ รวมทั้งการฟอกเงินที่เชื่อมโยงในกัมพูชา เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ดร. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาให้ข้อมูลว่า ทางฝั่งกระทรวงคลังได้จัดคณะทำงาน ซึ่งมี วรภัค ธันยาวงษ์ รมช.คลัง นั่งเป็นประธานคณะทำงานจัดการปัญหาสแกมเมอร์แล้ว เพื่อตรวจสอบในด้านช่องทางการเงิน โดยมี ลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และกระทรวงพาณิชย์ นั่งอยู่ในคณะทำงานนี้ด้วย
ดร. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
หลังจากข่าวนี้ออกมาในวันเดียวกัน รังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ออกมาโพสต์ข้อความผ่าน Facebook ระบุว่า ถ้าข่าวนี้เป็นจริง บ้ามาก บ้าไปแล้ว นี่คือการตบหน้าประชาชนอย่างชัดเจน การกระทำแบบนี้ของรัฐบาลนายอนุทินไม่ต่างอะไรกับการให้ความช่วยเหลือแก๊งสแกมเมอร์ให้รอดพ้นจากการถูกกำจัด น่าผิดหวัง น่าผิดหวังจริงๆ
รังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสต์ผ่าน Facebook กรณีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ที่จะมีการแต่งตั้งวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.คลัง นั่งเป็นประธานคณะทำงานจัดการปัญหาสแกมเมอร์ ของฝั่งกระทรวงการคลัง
‘ไทยสร้างไทย’ ค้านตั้ง ‘วรภัค’ คุมทีมปราบสแกมเมอร์
ขณะที่ ปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย ระบุว่า ทางพรรคขอคัดค้านแนวคิดการแต่งตั้งนายวรภัคเป็นประธานคณะทำงานนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีข่าวว่าท่านเคยให้คำปรึกษาด้วยวาจาแก่ Yim Leak ประธาน BIC Bank และกลุ่มธุรกิจ BICGroup ในกัมพูชา ซึ่งหลายคนถูกตั้งข้อสงสัยโดย สหรัฐฯ ว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มสแกมเมอร์ข้ามชาติ
ดังนั้น การแต่งตั้งบุคคลที่เคยมีความสัมพันธ์เชิงการให้คำปรึกษากับเครือข่ายธุรกิจในต่างประเทศมาเป็นผู้ตรวจสอบ จึงไม่สร้างความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสได้เลย
แม้นายวรภัคจะยืนยันว่าการให้คำปรึกษาเป็นเพียงการพูดคุยในระดับประสบการณ์ธุรกิจธนาคารเท่านั้น ไม่มีการเข้าร่วมบริหารหรือได้รับผลประโยชน์ใด ๆ และได้แจ้ง ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ประเด็นความเหมาะสมของการแต่งตั้งยังคงเป็นคำถามที่สังคมจับตาและอาจเป็นข้อสังเกตใหญ่ที่ย้อนกลับมาสร้างปัญหาให้รัฐบาลเอง
ปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย
ปริเยศ ยังชี้ว่ากระบวนการทำงานแบบนี้ของรัฐบาลอาจถูกตั้งคำถามว่า
เข้าข่ายไปปกป้องเครือข่ายผู้ต้องสงสัยการกระทำความผิดได้ และแม้รัฐบาลจะจัดแบ่งงานเป็นสองฝั่ง โดยฝั่งหนึ่งเน้นตรวจสอบเส้นทางการเงิน นำโดยกระทรวงการคลัง
อีกฝั่งเน้นการระบุตัวสแกมเมอร์ นำโดยนายกรัฐมนตรี แต่ในสายตาประชาชนจากข่าวนี้ ก็ทำให้เกิดภาพลบต่อประเทศไทยโดยรวมไปด้วย
“การเอาบุคคลที่เคยให้คำปรึกษากันมาเป็นประธานตรวจสอบ ซึ่งแน่นอนว่าต้องรู้จักและมีความสัมพันธ์กันอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นจะให้คำปรึกษากันได้อย่างไร”
กลายเป็นประเด็นร้อนส่งผลให้อีกวันถัดมาในวันที่ 21 ตุลาคม อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ต้องออกมาแถลงข่าว กรณีที่มีรายงานข่าวว่า วรภัค ธันยาวงษ์ รมช. คลัง ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็น 1 ใน 7 นักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ในกัมพูชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนได้ให้วรภัค ทำเรื่องชี้แจงมาเป็นลายลักษณ์อักษร และวรภัค จะทำเรื่องชี้แจงผ่านเพจเฟซบุ๊ก และแถลงข่าวให้สื่อมวลชนทราบ พร้อมยืนยันว่ายังไม่มีการแต่งตั้งวรภัค เป็นหนึ่งในประธานคณะอนุกรรมการปราบสแกมเมอร์แต่อย่างใด
‘วรภัค’ ยืนยันไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องธุรกิจผิดกฎหมายในกัมพูชา
สถานการณ์เกิดขึ้นส่งผลต่อเนื่องให้วรภัค ต้องจัดแถลงข่าวด่วนในวันถัดมา คือ 22 ตุลาคม วรภัค ได้ชี้แจงและปฏิเสธข่าวบิดเบือนที่กล่าวหาว่าตนเองพัวพันกับแก๊งหลอกลวงต้มตุ๋น ฟอกเงิน และธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศกัมพูชา
โดยยืนยันว่าตนมีประสบการณ์ยาวนานกว่า 30 ปีในแวดวงการเงินและธนาคาร ทั้งในสถาบันการเงินชั้นนำในประเทศและต่างประเทศ และได้เข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองในปี 2568 เพื่อรับใช้ประเทศชาติโดยไม่มีความทะเยอทะยานทางการเมืองแต่อย่างใด รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังชี้แจงชัดเจนว่าไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับขบวนการหลอกลวงต้มตุ๋นหรือธุรกิจผิดกฎหมายในกัมพูชาหรือที่ใดๆ ทั้งสิ้น และไม่ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ BIC Group และ BIC Bank Cambodia ว่าเกี่ยวข้องกับกระบวนการดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งต้องให้กระบวนการยุติธรรมเข้ามาตรวจสอบ
บรรยากาศงานแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของ วรภัค ธันยาวงษ์ พร้อมประกาศลาออกจากตำแหน่ง รมช.คลัง ที่กระทรวงการคลัง
ส่วนกรณีที่ถูกเชื่อมโยงกับ BIC Bank โดยมีการนำรูปและชื่อไปลงเป็นที่ปรึกษาโดยไม่ได้รับทราบนั้น นายวรภัคยืนยันว่าไม่เคยเป็นกรรมการบริหารหรือที่ปรึกษาใด ๆ ของธนาคาร และไม่เคยรับเงินหรือผลตอบแทนใด ๆ เช่นเดียวกับความเกี่ยวข้องกับ Mr. Benjamin Mauerberger ซึ่งเป็นเพียงผู้ปกครองที่มีบุตรเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน
นอกจากนี้ วรภัคยังปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการเป็นตัวแทน (Nominee) หรือเป็นฟันเฟืองของขบวนการ scammer ผ่านการซื้อหุ้นบริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) ในปี 2564 โดยชี้แจงว่าเป็นการทำธุรกรรมซื้อหุ้น 29% ใน FSS ที่ถูกต้องตามกฎหมายในลักษณะ management buy out โดยได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากกองทุนในสิงคโปร์ และ BIC Bank Lao ซึ่งเป็น standby facility เพื่อทำ tender offer เท่านั้น และไม่ได้มีการใช้วงเงินส่วนนี้
อีกทั้งยืนยันว่า BIC Bank Lao และ BIC Bank Cambodia มีความเป็นเจ้าของและการบริหารจัดการที่แยกกันอย่างเด็ดขาดในปัจจุบัน ต่อมาในปลายปี 2567 ตนได้ตัดสินใจขายหุ้นทั้งหมดและลาออกจากตำแหน่งกรรมการใน FSS แล้วจึงไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ อีก การกล่าวอ้างใด ๆ ในภายหลังจึงเป็นการใส่ร้ายป้ายสี ยิ่งไปกว่านั้น วรภัคยังปฏิเสธข้อกล่าวหาเท็จต่อภรรยาว่าได้รับผลประโยชน์เป็นเงินคริปโตจำนวนหลายล้านเหรียญ
พร้อมชี้แจงยืนยันว่าภรรยาไม่เคยมีบัญชีคริปโตใด ๆ และไม่เคยได้รับผลประโยชน์ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้ ตามที่มีผู้กล่าวหา
สรุปได้ว่า วรภัค ยืนยันความบริสุทธิ์ทุกประเด็น พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมดและประกาศจุดยืนว่าจะใช้ความซื่อสัตย์สุจริตที่มีมาตลอด 30 ปีในการทำงานเป็นเครื่องยืนยันความบริสุทธิ์ พร้อมทั้งสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่บิดเบือนและเผยแพร่ข้อมูลเท็จต่อไป
‘วรภัค’ ประกาศลาออกจาก รมช.คลัง มีผลตั้งแต่ 22 ต.ค.
ในงานแถลงข่าว วรภัค ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง รมช. คลัง โดยให้มีผลทันทีในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ เพื่อไม่ให้เรื่องส่วนบุคคลกลายเป็นภาระหรือเงื่อนไขที่อาจกระทบต่อความคล่องตัวและประสิทธิภาพของรัฐบาล การตัดสินใจครั้งนี้มีเป้าหมายสำคัญเพื่อยืนหยัดหลักความโปร่งใส และความเป็นอิสระของรัฐบาลในการบริหารประเทศ ให้ปราศจากข้อครหา และไม่เปิดช่องให้ฝ่ายใดนำเรื่องส่วนตัวของผมมาเป็นอุปสรรคต่อภารกิจของรัฐบาล
หนังสือลาออกของ วรภัค ธันยาวงษ์ จากตำแหน่ง รมช.คลัง
‘สฤณี’ แนะฟ้อง BIC Group อ้าง ‘วรภัค’ เป็นที่ปรึกษา
ด้าน สฤณี อาชวานันทกุล นักเขียน นักแปล และนักวิจัยด้านธุรกิจที่ยั่งยืนและการเงินที่ยั่งยืน โพสต์ข้อความผ่าน Facebook ระบุว่า ชื่นชมการตัดสินใจของคุณวรภัคที่ลาออกจากตำแหน่ง รมช. คลัง แต่อยากเสริมว่าสิ่งต่อไปนี้ควรเกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ แทนที่การฟ้องร้องใด ๆ
สฤณี อาชวานันทกุล นักเขียน นักแปล และนักวิจัยด้านธุรกิจที่ยั่งยืนและการเงินที่ยั่งยืน
- คุณวรภัคควรฟ้อง BIC Group ข้อหาแอบอ้างเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการ (Board Advisor) เพราะชื่อโชว์หราอยู่บนเว็บไซต์องค์กร ร่วมกับคนไทยอีก 2 คน จนกระทั่งเว็บลบชื่อเมื่อราว 10 กันยายนปีนี้เอง (สืบค้นได้อย่างง่ายดายผ่านเว็บ Wayback Machine)
- สำนักงาน ก.ล.ต. ควรเร่งขอข้อมูลจาก MAS สิงคโปร์ เกี่ยวกับ CAI, CAI Optimum Fund VCC, credit fund – องคาพยพทั้งหลายในสิงคโปร์ที่ถูกอ้างอิงในบทความคุณ Tom Wright ในการสอบสวนของ ก.ล.ต. เอง ในประเด็น ”secret takeover” ของ FSX ว่าเกิดขึ้นหรือไม่
อย่างไร ซึ่ง ก.ล.ต. เอง ก็เริ่มสอบสวนแล้วน่าจะอย่างน้อยตั้งแต่ 25 กันยายนที่ผ่านมา ตามแถลงข่าวสำนักงานค่ะ เชื่อว่า MAS จะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ย้อนนโยบายเศรษฐกิจสำคัญ ‘วรภัค’ ในฐานะ รมช. คลัง
เมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา วรภัคได้ชี้แจงในการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยสูงเกือบ 90% ของ GDP หรือราว 13.55 ล้านล้านบาท โดย 50% เป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน ซึ่งต่างจากประเทศอื่นๆ จึงทำให้สถานะหนี้ครัวเรือนไทยมีความอ่อนแอสูง โดยกว่า 30% ของหนี้ภาคครัวเรือนทั้งหมดเริ่มส่งสัญญาณแจ้งเตือน ประกอบไปด้วย หนี้ที่เป็น NPL 9% หนี้ที่ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้แล้ว หรือ TDR 8% หนี้พึงระมัดระวังเป็นพิเศษ (SM) 4% และหนี้ที่ปรับโครงสร้างก่อนเป็น NPL หรือ DR
“วิกฤตหนี้ครั้งนี้แตกต่างจากวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 ที่เกิดขึ้นฉับพลันหลังการลอยตัวค่าเงินบาท เป็นวิกฤตที่เกิดขึ้นแบบช้าๆ ค่อยๆ เริ่ม แต่ตอนนี้เรียกว่าแทบจะเป็นฟางเส้นสุดท้าย หากไม่มีการปรับปรุง ดังนั้นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลคือการช่วยแก้ปัญหา NPL ภาคครัวเรือน” นายวรภัคกล่าว
วรภัคกล่าวว่า แนวทางแก้หนี้ NPL ภาคครัวเรือน รัฐบาลได้วางโรดแมปที่ชัดเจน ในการปลดล็อกแนวทางให้ธนาคารพาณิชย์ตั้งบริษัทร่วมทุน Joint Venture (JV) กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ที่มีอยู่แล้ว เพื่อโอนหนี้ที่เป็น NPL ออกมาจากธนาคารให้เร็วที่สุด โดยหนี้กลุ่มดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้ที่เป็นคนตัวเล็ก มียอดหนี้ต่ำกว่า 100,000 บาท แต่มีจำนวนมากถึง 3.4 ล้านราย โดยมีมูลค่าหนี้รวม 123,000 ล้านบาท
“ข้อดีคือ AMC มีหน้าที่หลักในการแก้หนี้ ทำให้เมื่อโอน NPL ออกไปแล้ว ธนาคารจะมีเวลาไปปล่อยกู้และเพิ่มสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น โดยจะเร่งดำเนินการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ภายในสัปดาห์นี้” วรภัคกล่าว
รมช. คลังกล่าวอีกว่า ขณะที่การเพิ่มสภาพคล่อง SME รัฐบาลจะจัด ‘เลนพิเศษ’ สำหรับ SME ที่มีความเชี่ยวชาญแต่ขาดสภาพคล่อง โดยจะมีการตั้งโครงการ SME Product Program เน้นช่วยเหลือ SME ขนาดเล็ก (S) วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท และขนาดกลาง (M) วงเงิน 20-100 ล้านบาท เป็นหลัก และมีการเตรียมกลไกบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกัน 50,000 ล้านบาท เพื่อเป็นการค้ำประกันความเสี่ยงให้ธนาคารพาณิชย์ตัดสินใจปล่อยกู้ในเลนพิเศษนี้ได้ง่ายขึ้น
วรภัคยืนยันว่า ทีมเศรษฐกิจมีแผนงานที่ชัดเจนว่าเป้าหมายอะไร ต้องเสร็จเมื่อไหร่ และใครเป็นผู้รับผิดชอบ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าปัญหาต่างๆ จะได้รับการแก้ไขสำเร็จภายใน 4 เดือน
ทั้งนี้การที่ วรภัค ประกาศลาออกในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ หากนับตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน ที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ครม. อนุทิน โดยแต่งตั้งให้ วรภัค เป็น รมช. คลัง จะอยู่ในตำแหน่งนี้ระยะเวลารวม 33 วัน แต่หากนับจากวันที่รัฐบาลที่มีอนุทิน ชาญวีรกูล นั่งนายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายเมื่อวันที่ 29-30 กันยายนที่ผ่านมา วรภัค มีระยะการทำงานรวม 21 วัน ในตำแหน่ง รมช. คลัง