กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ จัดประชุมฉุกเฉินในสถานทูตกัมพูชา เพื่อติดตามความคืบหน้าสถานการณ์สแกมเมอร์ ด้านผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า เกาหลีใต้ต้องร่วมมือกับประเทศที่ได้รับผลกระทบเพื่อปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานนี้ (21 ตุลาคม 2025) ทีมกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ จัดประชุมฉุกเฉินที่สถานทูตเกาหลีในกัมพูชา เพื่อติดตามสถานการณ์สแกมเมอร์ นำโดย คิมจินอา (Kim Jina) รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งสั่งการให้เจ้าหน้าที่สถานทูตหารือกับทางกัมพูชาต่อไป
ในการประชุม คิมจินอา เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องช่วยเหลือพลเมือง และมีปฏิบัติการเชิงรุก เพื่อปกป้องพลเมืองเกาหลีใต้ในกัมพูชา พร้อมให้คำมั่นสนับสนุนด้วยการเพิ่มงบประมาณและบุคลากรชั่วคราว เพื่อสะสางปัญหาและบรรเทาภาระทั้งหมด
ขณะที่ อี แจฮยอน (Lee Jae-hyon) นักวิชาการจาก Asan Institute for Policy Studies ให้ความเห็นว่า เกาหลีใต้ต้องประสานงานร่วมกับประเทศที่จะได้รับผลกระทบเท่านั้น จึงจะหยุดภัยสแกมเมอร์ที่กำลังเพิ่มมากขึ้นได้
อี ระบุว่า เกาหลีใต้ต้องทำงานร่วมกับกัมพูชา ชาติอาเซียน หรือแม้แต่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก เพื่อจัดการกับอาชญากรรมข้ามชาติร้ายแรง ซึ่งมีกลลวงที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ทว่าการจัดการปัญหาเป็นเรื่องยาก เพราะบทบาทของจีนในภูมิภาค
“จีนถือกุญแจสำคัญในสถานการณ์นี้ เพราะคนจีนส่วนใหญ่ก่ออาชญากรรม จีนคือประเทศที่มีส่วนได้ส่วนเสียสำคัญ เพราะชาวจีนเป็นทั้งผู้ก่อเหตุและเหยื่อ ซึ่งเมื่อมีการบุกทลายสถานที่ คนส่วนใหญ่ที่ได้รับการช่วยเหลือก็มักจะเป็นชาวจีน”
นอกจากนี้ นักวิชาการจาก Asan Institute for Policy Studies ยังอธิบายว่า แนวคิดการใช้ปฏิบัติการทางทหารทลายคอลเซ็นเตอร์อาจไม่ได้ผล โดยมองว่า แนวคิดนี้ ‘อันตราย’ และ ‘ไม่สมจริง’
“ลองคิดดู หากกองทัพเกาหลีปฏิบัติการในกัมพูชา เพื่อจับอาชญากรชาวจีน ผลที่ตามมาจะคาดเดาไม่ได้ และค่อนข้างจะหายนะมากๆ”
ภาพ: Kim Hong-Ji / Reuters
อ้างอิง: