ประเทศไทยกลับมารับหน้าที่เจ้าภาพซีเกมส์อีกครั้งในรอบ 18 ปี หลังจากครั้งล่าสุดที่นครราชสีมาเมื่อปี 2007 โดยซีเกมส์ 2025 ครั้งนี้ไม่ได้เน้นเพียงการแข่งขันกีฬาเท่านั้น แต่ยังถูกออกแบบให้เป็นเวทีแห่งความภาคภูมิใจในความเป็นไทย และเป็นมหกรรมกีฬาครั้งแรกของอาเซียน ที่เดินหน้าสู่แนวคิด Carbon Neutrality การจัดการแข่งขันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง
ตั้งแต่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก, การชดเชยด้วยพลังงานสะอาด, การ Reuse-Recycle, การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในระบบขนส่งนักกีฬา, ไปจนถึงการออกแบบ ชุดทีมชาติไทยจากวัสดุรีไซเคิล
หลายคนจึงเรียกซีเกมส์ครั้งนี้ว่า Green SEA Games เกมกีฬาที่ไทยไม่ได้เพียงเป็นเจ้าภาพ แต่ยังเป็นผู้นำแนวคิดใหม่ให้กับทั้งภูมิภาคอาเซียน
แต่อย่างไรก็ตาม ไฮไลต์สำคัญของซีเกมส์ครั้งนี้ คือการกระจายการแข่งขันกีฬา ออกไปยังหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อให้แต่ละภูมิภาคได้มีส่วนร่วมในบรรยากาศของมหกรรมกีฬาอาเซียน
เรามาดูกันว่า…3 เจ้าภาพหลักของซีเกมส์ 2025 กรุงเทพฯ ชลบุรี และสงขลา รับหน้าที่ดูแลกีฬาชนิดใดบ้าง?
กรุงเทพฯ หัวใจของพิธีเปิดและความทรงจำกีฬาไทย
ทุกครั้งที่เสียงเพลงประจำซีเกมส์ดังขึ้น กรุงเทพฯ มักเป็นเมืองแรกที่ผู้คนในอาเซียนนึกถึง เมืองที่ครั้งหนึ่งเคยจุดไฟแห่งการแข่งขันกีฬาระดับภูมิภาคเมื่อหลายสิบปีก่อน และวันนี้กลับมาทำหน้าที่เดิมอีกครั้ง ในฐานะหัวใจของซีเกมส์ ประจำปี 2025
ปีนี้ กรุงเทพฯ ยังคงเป็นศูนย์กลางหลักของการแข่งขัน ด้วยจำนวนน่าทึ่ง 31 ชนิดกีฬา จากทั้งหมด 54 รายการ จัดแข่งในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมกว่า 28 สนาม ทั้งสนามเก่าในตำนาน และสนามใหม่ที่ถูกปรับปรุงจนพร้อมต้อนรับนักกีฬาจากทั่วอาเซียน
แน่นอนว่า สนามราชมังคลากีฬาสถาน คือเวทีเอกของพิธีเปิดและพิธีปิด สนามยักษ์ที่รองรับผู้ชมกว่า 50,000 คน รอบบริเวณ หัวหมาก สปอร์ตคอมเพล็กซ์ ก็จะคึกคักตลอดทั้งซีเกมส์
ทั้ง อินดอร์สเตเดียม, สระว่ายน้ำ, สนามยิงปืน, และ อาคารกีฬาอเนกประสงค์ ซึ่งจะใช้จัดการแข่งขันตั้งแต่วอลเลย์บอลในร่ม, วอลเลย์บอลชายหาด, มวยสากลสมัครเล่น, ไปจนถึงอีสปอร์ต
ส่วนใจกลางเมือง ย่านปทุมวัน ก็จะกลับมามีชีวิตอีกครั้งกับ สนามศุภชลาศัย สนามกีฬาประวัติศาสตร์ที่เคยเป็นเวทีแห่งชัยชนะของนักกีฬาไทยในหลายยุค ที่นี่ยังเป็นสนามหลักของกรีฑา ขณะที่อาคารใกล้เคียงอย่าง นิมิบุตร และ จันทนยิ่งยง จะเปิดไฟอีกครั้งเพื่อรองรับการแข่งขันบาสเกตบอล และเนตบอล
สำหรับผู้ที่อยากชมกีฬานอกสนามใหญ่ กรุงเทพฯ มีสนามกระจายทั่วมุมเมือง ดังนี้
- เทเบิลเทนนิส – เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ
- สเก็ตน้ำแข็ง – อิมพีเรียล สำโรง
- เทควันโด และ ฟันดาบ – แฟชั่นไอส์แลนด์ รามอินทรา
- ศิลปะการต่อสู้แบบผสม MMA (ซึ่งถูกบรรจุเป็นกีฬาสาธิต) – เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน
- แบดมินตัน, ตะกร้อ, ยิมนาสติก, โปโลน้ำ – ศูนย์กีฬาม.ธรรมศาสตร์ รังสิต
- กระโดดน้ำและระบำใต้น้ำ – มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
- ยูยิตสู – มหาวิทยาลัยรังสิต
- ซอฟท์บอล – ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
- คริกเก็ต – สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT)
ในปีที่ไทยกลับมาเป็นเจ้าภาพอีกครั้ง กรุงเทพฯ ไม่ได้เป็นเพียงเมืองกีฬา หากยังเป็นเวทีที่รวมความทรงจำของคนไทยทั้งรุ่นเก่าและใหม่ เมืองที่ทุกเสียงเชียร์สะท้อนถึงอดีตที่งดงาม และอนาคตที่ยังคงเดินหน้า
ชลบุรี เมืองชายทะเลกับพลังแห่งกีฬาเยาวชน
ชลบุรี เมืองชายทะเลที่อบอวลด้วยพลังของคนรุ่นใหม่ ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของซีเกมส์ 2025 เพราะที่นี่ไม่เพียงมีชายหาดสวยและเมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างพัทยาเท่านั้น แต่ยังมีโครงสร้างพื้นฐานด้านกีฬาแน่นหนา พร้อมเปิดบ้านต้อนรับนักกีฬากว่า 10 ประเทศด้วยรอยยิ้มแบบคนตะวันออก
จังหวัดชลบุรีใช้สนามแข่งขันมากถึง 16 แห่ง ครอบคลุม 14 ชนิดกีฬา หลากหลายตั้งแต่กีฬาทางน้ำ กีฬาทางอากาศ ไปจนถึงกีฬาความเร็วและความแข็งแรง กีฬาหลักที่ถูกจับตามองมากที่สุดคือ ฟุตบอลหญิง ที่จะฟาดแข้งกันที่สนามของ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตชลบุรี สนามแห่งความภาคภูมิใจของนักกีฬารุ่นเยาว์ไทย ซึ่งเคยปั้นดาวเด่นมาสู่ทีมชาติหลายต่อหลายรุ่น
เสียงนกหวีดของกรรมการอาจดังพร้อมกับเสียงคลื่นที่ซัดเข้าชายหาดจอมเทียน เพราะกีฬาทางน้ำอย่าง เรือใบ, ไตรกีฬา, และว่ายน้ำในทะเล จะจัดขึ้นในเส้นทางที่ทอดยาวระหว่าง หาดจอมเทียน – เกาะล้าน – เกาะแสมสาร พื้นที่ที่ทั้งสวยงามและท้าทาย เหมาะกับการเป็นสมรภูมิของนักกีฬาที่ต้องต่อสู้กับทั้งคู่แข่งและธรรมชาติ
ส่วนกีฬาอื่นๆ ก็ไม่แพ้กัน ฮอกกี้ แข่งขันที่สนามชลบุรี สเตเดียม สนามที่ออกแบบใหม่ให้ได้มาตรฐานสากล, กอล์ฟ จัดที่สนามหรู สยามคันทรีคลับ พัทยา, และ จักรยานเสือภูเขา แข่งในเส้นทางธรรมชาติของ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ที่จะกลายเป็นเวทีสุดตื่นตาเมื่อความเร็วของจักรยานตัดผ่านผืนป่าที่เต็มไปด้วยชีวิต
ความสนุกยังขยายไปทั่วพัทยาและบางแสน เมื่อ สนุกเกอร์ จะแข่งขันที่โรงแรมแอมบาสเดอร์, ยกน้ำหนัก ที่โรงเรียนกีฬาจังหวัดชลบุรี, กีฬาทางอากาศ ที่อ่างเก็บน้ำหนองค้อ และ ขี่ม้า ที่สโมสรขี่ม้าไทยโปโลแอนด์อีเควสเตรียนคลับ สนามระดับโลกที่ผสมความหรูหราเข้ากับกลิ่นอายกีฬาอย่างลงตัว
สงขลา พลังใหม่จากแดนใต้
หากกรุงเทพฯ คือหัวใจของพิธีเปิด และชลบุรีคือจิตวิญญาณแห่งเมืองชายทะเล
สงขลาก็คือ จังหวะหัวใจ ของคนใต้ ที่เต้นไปพร้อมเสียงเชียร์ในสนามติณสูลานนท์ เมืองที่มีกลิ่นอายของทะเล เสียงคลื่น และพลังของผู้คนที่รักกีฬาอยู่ในสายเลือด
ปีนี้ สงขลาก้าวขึ้นมามีบทบาทใหญ่ในฐานะหนึ่งในสามเจ้าภาพหลัก จัดการแข่งขันมากถึง 9 ชนิดกีฬา ครอบคลุมทั้งในร่ม กลางแจ้ง และศิลปะการต่อสู้ โดยใช้สนามรวมกว่า 6 แห่งทั่วเมือง ที่กระจายอยู่ระหว่างสงขลาและหาดใหญ่ ศูนย์กลางเศรษฐกิจและการศึกษาแห่งภาคใต้
กีฬาหลักอย่างฟุตบอล ถูกจับตามองมากที่สุด รอบแบ่งกลุ่มจะดวลกันที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ และสนามกีฬาเมืองหลักภาคใต้ (พรุค้างคาว) ซึ่งต่างเป็นสัญลักษณ์แห่งความภูมิใจของคนใต้ เมื่อเสียงเชียร์ดังก้องจากอัฒจันทร์ริมทะเลสาบสงขลา ก็เหมือนประกาศว่า แดนใต้พร้อมแล้ว สำหรับการเป็นเจ้าภาพในระดับภูมิภาค
ส่วนกีฬาในร่ม กาบัดดี้และหมากรุก จะจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยทักษิณ มหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่โอบล้อมด้วยบรรยากาศสงบและร่มรื่น ขณะที่ ปันจักสีลัต กีฬาเชิงศิลปะการต่อสู้ประจำภูมิภาค ได้รับการบรรจุแข่งที่สนามกีฬาจิระนคร ใจกลางเมืองหาดใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะคึกคักด้วยเสียงกลองและเสียงเชียร์จากแฟนเจ้าถิ่น
ในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ‘เซ็นทรัลหาดใหญ่’ จะถูกปรับให้กลายเป็นลานประลองสำหรับ คาราเต้และมวยปล้ำ สร้างสีสันแบบกีฬากลางเมือง ที่เข้าถึงคนทั่วไปได้ง่าย ขณะเดียวกัน วูซู แข่งขันที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ซึ่งพร้อมด้วยระบบแสง สี เสียง มาตรฐานระดับนานาชาติและปิดท้ายด้วย มวยไทย ที่จัดแข่งขัน ณ ศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ เมืองหลักภาคใต้ (พรุค้างคาว) เวทีที่คาดว่าจะเต็มไปด้วยเสียงเชียร์ของแฟนมวยทั่วสารทิศ
มากกว่านั้น การจัดกีฬาในครั้งนี้ยังเชื่อมโยงกับหัวเมืองอื่นๆ ด้วย เช่น เชียงใหม่ รับหน้าที่จัดฟุตบอลชายที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี สนามในตำนานที่รายล้อมด้วยขุนเขา และ ราชบุรี จัดการแข่งขัน ยิงเป้าบิน ที่สนามยิงปืนโพธาราม ซึ่งเป็นหนึ่งในสนามยิงเป้าที่ทันสมัยที่สุดของไทย
สำหรับ ‘ซีเกมส์ 2025’ จึงถูกมองว่าเป็นมากกว่ามหกรรมกีฬาทั่วไป เพราะนี่คือเวทีที่ประเทศไทยได้เล่าตัวตนของเรา ผ่านทุกจังหวัดเจ้าภาพ
ไล่ตั้งแต่ ความยิ่งใหญ่ของกรุงเทพฯ ความมีชีวิตชีวาของชลบุรี ไปจนถึงความอบอุ่นของสงขลา แต่ละเมืองต่างถ่ายทอดเอกลักษณ์ของตัวเอง ผ่านเสียงเชียร์ รอยยิ้ม และพลังของผู้คนที่ร่วมสร้างงานนี้ขึ้นมาด้วยหัวใจเดียวกัน
และเมื่อวันนั้นมาถึง…เรามาร่วมกันเป็น ‘เจ้าภาพที่น่ารัก’ ของอาเซียนไปด้วยกันเถอะ 😀