×

นิวยอร์กผ่านกฎหมายควบคุมปริมาณรถไรด์แชริ่งในเมือง แก้ปัญหารถติด เอื้อประโยชน์คนขับแท็กซี่

10.08.2018
  • LOADING...

สภาเมืองนิวยอร์กผ่านกฎหมายควบคุมปริมาณรถให้บริการไรด์แชริ่งอย่าง Uber, Lyft และ Via ในเมืองเมื่อวันพุธที่ 8 ส.ค. ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น หวังแก้ปัญหาการจราจรคับคั่ง ลดมลพิษทางอากาศ และเปิดทางให้คนขับแท็กซี่ในเมืองมีโอกาสทำรายได้

 

นิวยอร์กกลายเป็นเมืองแรกของสหรัฐอเมริกาที่ประกาศบังคับใช้กฎหมายควบคุมปริมาณรถให้บริการรถร่วมเดินทาง (Ride Sharing และ Ride Hailing) ผ่านการงดออกใบอนุญาตใหม่ 1 ปี (ไม่นับรวมรถให้บริการสำหรับรถเข็นวีลแชร์) และกำหนดรายได้ขั้นต่ำของผู้ขับขี่ที่ระหว่าง 15-17.22 เหรียญสหรัฐต่อชั่วโมง หวังแก้ปัญหาการจราจรที่แออัด ลดมลพิษทางอากาศภายในเมือง และส่งเสริมให้คนขับรถแท็กซี่สาธารณะมีโอกาสทำรายได้ผ่านการแข่งขันที่ยุติธรรม

 

ปัจจุบันนิวยอร์กถือเป็นเมืองที่ทำรายได้มหาศาลให้กับบริการร่วมเดินทางอย่าง Uber และ Lyft ข้อมูลที่น่าสนใจระบุว่าจากจำนวนรถให้บริการในธุรกิจนี้เมื่อปี 2015 ที่ 12,600 คันนั้นเพิ่มขึ้นกว่า 534% เป็น 80,000 คันในปีนี้

 

ขณะที่รถแท็กซี่และแท็กซี่ลีมูซีนป้ายเหลืองในเมืองกลับมีจำนวนแค่ 14,000 คันเท่านั้น ผลที่ตามมาคือผู้ประกอบการหลายรายมีรายได้ลดลงจนเกิดความเครียดสะสม ซึ่งสหพันธ์แรงงานคนขับแท็กซี่นิวยอร์กเปิดเผยว่ามีคนขับแท็กซี่ฆ่าตัวตายไปแล้วมากกว่า 6 รายในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา (รายได้ของแท็กซี่ในนิวยอร์กเมื่อปี 2014 ที่ 1 ล้านเหรียญสหรัฐลดเหลือ 200,000 เหรียญสหรัฐในปัจจุบัน)

 

บิล เดอ บลาซิโอ (Bill de Blasio) นายกเทศมนตรีเมืองนิวยอร์กเชื่อว่ากฎหมายนี้จะช่วยแก้ปัญหาการจราจรที่ติดขัดภายในเมือง และจำนวนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องได้ อย่างไรก็ดีโฆษกของ Uber กลับไม่เห็นด้วยกับกฎหมายนี้เพราะเชื่อว่ากฎหมายดังกล่าวจะลดทางเลือกการสัญจรให้กับประชาชนมากกว่า

 

“การงดออกใบอนุญาตใหม่ให้รถร่วมเดินทางเป็นระยะเวลา 12 เดือนถือเป็นภัยคุกคามต่อตัวเลือกการเดินทางที่น่าเชื่อถือของผู้บริโภค ในขณะที่พวกเขาเลือกจะไม่แก้ปัญหารถไฟใต้ดิน หรือหาวิธีอื่นๆ แก้ไขปัญหารถติด” Uber กล่าวผ่านแถลงการณ์

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X