วันนี้ (14 ตุลาคม) ที่ประชุมร่วมรัฐสภาพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 เพื่อเปิดทางให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในวาระแรก โดยจะมีการประชุมระหว่างวันที่ 14-15 ตุลาคม 2568
กรวีร์ ปริศนานันทกุล สส. จังหวัดอ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ระบุถึงหลักการและเหตุผลของร่างรัฐธรรมนูญพรรคภูมิใจไทย ที่เสนอโดย อนุทิน ชาญวีรกูล ว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 256 ได้กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรวมถึงจํานวนสมาชิกสภาที่ให้ความเห็นชอบออกเสียงอย่างไม่เหมาะสมกับสัดส่วนกับสมาชิกสภาทั้งหมด จึงเป็นอุปสรรคในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญให้ทันต่อสถานการณ์ทั้งภายในประเทศและสถานการณ์โลก สมควรให้มีการแก้ไขมาตราดังกล่าว รวมถึงให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการจัดทํารัฐธรรมนูญตั้งแต่ต้นจน และให้ความเห็นชอบ จึงสมควรเพิ่มหมวด 15/1 ไว้
กรวีร์ กล่าวอีกว่า 14 ตุลาคม ถือเป็นวันเริ่มต้นสร้างประวัติศาสตร์ทางประชาธิปไตย เพราะจะเป็นนิมิตหมายที่ดี และเป็นการปลดล็อกรัฐธรรมนูญที่เป็นผลพวงจากรัฐประหารที่ผ่านมา เชื่อว่าจะนําไปสู่ประชาธิปไตยที่ได้รับการยอมรับจากพี่น้องคนไทยทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาการแก้ไขรัฐธรรมนูญติดขัดในแง่ของกฎหมายและการตีความ วันนี้จึงมีความใกล้เคียงกับความสําเร็จ มีการเสนอร่างเข้ามาในที่ประชุมสภาถึง 3 ร่าง
ทั้งนี้ ในการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญของพรรคภูมิใจไทยเป็นไปตาม MOA ที่ได้มีการตกลงร่วมกันระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน ที่สนับสนุนให้อนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นสิ่งที่เรารับปากและเป็นข้อตกลงที่เราให้คํามั่นสัญญาให้กับพรรคประชาชนและพี่น้องประชาชนเอาไว้ และพรรคภูมิใจไทยของเราเมื่อรับปากแล้วก็ต้องทํา
กรวีร์ยังย้ำจุดยืนของพรรคภูมิใจไทยที่ผ่านมาที่บางคนระบุว่า พรรคภูมิใจไทยถ่วง ขัดขวาง ไม่อยากให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขอให้ดูว่า ที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยเป็นผู้เสนอให้มีการแก้ไขมาตรา 256 เพื่อเปิดทางไปสู่การจัดตั้ง สสร. และการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แม้เราจะอยากเห็น สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งของพี่น้องประชาชนโดยตรง แต่ต้องเคารพคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุไว้ชัดเจน ว่ารัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง จึงต้องปรับร่างรัฐธรรมนูญให้สอดรับกับคําวินิจฉัย เพื่อไม่ทําให้เสียของ เสียเวลา และเสียเปล่า
รวมถึง สิ่งที่อยากเห็นคือสังคมยุติความขัดแย้ง ไม่ปรารถนาเห็นการแก้ไขบางหมวดแล้วนำไปสู่การกระทบจิตใจคนไทยทำให้เกิดความขัดแย้งใหม่ ภูมิใจไทยจึงยืนหยัดชัดเจนว่าจะไม่มีการแก้ไข หมวด 1 และหมวด 2 และ ยึดหลักเข้าใจง่าย ทําได้จริง และ ไม่ขัดต่อคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
กรวีร์ยังพูดถึงรายละเอียดสาระสําคัญของร่างพรรคภูมิใจไทย ในส่วนเพิ่มเติม 15/1 ว่า มีเพียง 23 มาตรา และได้นํารูปแบบมาจากร่างรัฐธรรมนูญในปี 2539 ซึ่งเป็นที่มาของรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดของประเทศไทย
“เราจะร่างกติกาใหม่ของประเทศ บนเงื่อนไขเวลาที่มีข้อจํากัดของสภาชุดนี้เพียงไม่กี่เดือน สิ่งที่เราเสนอต่อรัฐสภาชุดนี้จะทําได้จริง เพราะเคยทํามาแล้วในอดีตที่ผ่านมา”
ส่วนข้อกังวลในหลักการแก้ไขการร่างรัฐธรรมนูญ กรวีร์ระบุว่า พรรคภูมิใจไทยขอฟังก่อนว่าร่างรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนนั้นเป็นอย่างไร รวมถึงรูปร่างหน้าตาของ สสร. ซึ่งเราไม่ติดขัดในหลักการเรา แต่วิธีการนั้นต่างกัน
กรวีร์ระบุอีกว่า เมื่ออ่านร่างของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน ทําให้เกิดคําถามว่า ซับซ้อนไปหรือไม่ ทําได้จริงหรือไม่ จะนําไปสู่ความขัดแย้งรอบใหม่ของสังคมไทยหรือไม่ และเสี่ยงขัดต่อคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่
เพราะร่างรัฐธรรมนูญของทั้งสองพรรค มีความสุ่มเสี่ยง เนื่องจากมีการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ซึ่งอาจขัดต่อคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการสุ่มเสี่ยงที่จะทําให้ใครบางคนนําไปยื่นตีความซึ่งทําให้เกิดการเสียเวลา เสียของ เสียความพยายามของเราทั้งหมด เป็นสิ่งที่พรรคภูมิใจไทยไม่อยากให้เกิดขึ้น และทั้งสองร่างไม่ได้มีเขตกําหนดไว้ว่าห้ามมีการแก้ไขในหมวด 1 และหมวด 2 ของรัฐธรรมนูญ
กรวีร์ระบุว่า หากเรามีการตีความกฎหมายแบบศรีธนญชัยที่เข้าข้างตนเองเกินไป มีความสุ่มเสี่ยงที่จะทําให้ความพยายามของพวกเราในครั้งนี้ล้มเหลวอีกครั้ง ซึ่งตนไม่อยากให้เกิดขึ้นและเป็นเหตุผลที่พรรคภูมิใจไทยตกลงกันว่าเราอาจจะรับในหลักการ แต่อยากจะเห็นร่างของพรรคภูมิใจไทยเป็นร่างหลักในการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้
ทั้งนี้ อยากเห็นความร่วมมือของทุกฝ่ายไม่อยากให้มีการเพ้อฝัน อยากให้ทุกคนมองโลกในความเป็นจริง ซึ่งอาจจะขัดใจบ้าง แต่ถ้าเราเคารพกติกาในการเดินหน้าแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับ เชื่อว่าร่างของพรรคภูมิใจไทย จะเป็นกุญแจสําคัญที่เดินหน้าไปสู่ความฝันร่วมกันของพวกเราได้