วันนี้ (9 ตุลาคม) ที่อาคารรัฐสภา สมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวลือว่าพรรคเพื่อไทยกำลังทาบทาม วราวุธ ศิลปอาชา สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค
สมศักดิ์ระบุว่า เรื่องของนายกรัฐมนตรียังเร็วเกินไป ซึ่งวราวุธก็เป็นบุคคลหนึ่งที่สังคมให้การจับจ้อง และมีคะแนนโหวต เป็นคนรุ่นใหม่ มีบุคลิกท่าทางดี แต่การจะเป็นแคนดิเดตหรือไม่ ไม่มีใครตอบได้เพราะเร็วเกินไป และยังไม่ถึงขั้นตอนที่จะเลือกแคนดิเดต บางทีท้ายสุด 1-2 สัปดาห์ ก่อนที่จะสมัครรับเลือกตั้ง
“แต่ตามปฏิทินของรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็ยังอีก 3 เดือนครึ่ง ถึงจะยุบสภา หลังจากนั้น ต่อไปอีกเป็นเดือน จึงจะมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ถ้าพูดวันนี้ยังเร็วเกินไป แต่ถ้าเป็นการโยนหินถามทางของสื่อมวลชน ก็ไม่มีปัญหา ก็เป็นสิ่งที่ทำได้” สมศักดิ์กล่าว
สมศักดิ์ยังกล่าวว่า ยังไม่ได้พิจารณาอะไรกัน จะดีหรือไม่ดี ตอนนี้ยังไม่มีใคร ก็ยังต้องหาตัวเลือกที่ดีที่สุดในอีก 3-4 เดือนข้างหน้า ส่วนก่อนหน้านี้ ก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันกับพรรคชาติไทยพัฒนา ก็ดี ไม่มีอะไรเสียหาย
สื่อมวลชนถามว่า ในฐานะคนของพรรคเพื่อไทย รับได้หรือไม่หากมีคนนอกมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี สมศักดิ์ระบุว่า ตอบแทนพรรคการเมืองไม่ได้ เพราะยังไม่ประชุม แต่ถ้าถามก็ไม่ควรตอบ เพราะไม่รู้ว่าจะใช่วราวุธหรือไม่ ไม่มีใครรู้ จะได้คนในหรือนอกพรรคก็ไม่เป็นไร ถ้าเป็นคนที่สังคมรับได้ก็เป็นสิ่งที่ดี ไม่ได้เน้นว่าต้องเป็นคนในหรือนอกพรรค
“เอาคนที่เข้าใจบริบทของสังคม บางคนก็เข้าใจสังคมเมือง บางคนไม่เข้าใจสังคมชนบท หรือสังคมระหว่างประเทศ ถ้ามีอะไรที่ครบเครื่อง ก็คงดีที่สุด แต่ถ้าหาไม่ได้ ก็ค่อยลดสเปคลงมา”
ส่วนการมีข่าวแบบนี้ จะทำให้เพื่อไทยเลือดไหลออกหรือไม่ สมศักดิ์ตอบว่า “ถึงเวลาเลือดน่าจะหยุดแล้ว”
บอกเป็นไปไม่ได้ เพื่อไทยต่ำ 100 เลือกตั้งหน้า
ส่วนกรณีที่ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ตั้งเป้าไว้ว่าจะคว้าเก้าอี้ สส. ถึง 200 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งครั้งหน้า สมศักดิ์มองว่า สุริยะมั่นใจเพราะอาจจะมีสรรพกำลัง สามารถช่วยลูกพรรคได้ ส่วนตนก็มีหน้าที่ให้คำปรึกษาเพราะเป็น สส. มานาน แต่ก็ไม่ใช่เก่ง เพียงแต่นำประสบการณ์มาแลกเปลี่ยน การเลือกตั้งสมัยใหม่ต้องมีของครบเครื่อง
สื่อมวลชนถามอีกว่า มีคำพูดว่าสุริยะกับสมศักดิ์ เมื่อเลือกอยู่พรรคการเมืองใด พรรคการเมืองนั้นก็จะได้เป็นรัฐบาลเสมอ สมศักดิ์กล่าวว่า อย่าประมาทสังคม อย่าประมาทการเมือง แต่อดีตเป็นประวัติที่เกิดมาแบบนั้น ส่วนจะรักษาประวัติศาสตร์ทางการเมืองตรงนี้ไว้ได้หรือไม่ ไม่ทราบ ไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ เพราะอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ
ส่วนขณะนี้พรรคภูมิใจไทยดูน่ากลัวหรือไม่ สมศักดิ์ตอบว่า “ไม่ทราบ กลัวเป็นเขตๆ ไม่กลัวเป็นเขตๆ บางเขตก็น่ากลัว บางเขตก็ไม่น่ากลัว”
ขณะที่กังวลหรือไม่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทยอาจจะได้ สส. ต่ำกว่า 100 ที่นั่ง สมศักดิ์ตอบว่า เป็นไปไม่ได้หรอก เอาความคิดนี้ทิ้งไป และสุริยะได้ประกาศเอาไว้นั้นเป็นตัวตั้ง ให้ใช้ตัวเลขนั้นมาคุยดีกว่า ต่ำร้อย เลิกคุยไปเลย เลิกคิดได้แล้ว
ไม่ทิ้งเพื่อไทย แม้อดีตผู้ช่วยย้ายซบกล้าธรรม
สำหรับกรณี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีของรองนายกรัฐมนตรี ไปดำรงตำแหน่งเลขานุการ อัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า สมศักดิ์อาจจะย้ายพรรคในอนาคตหรือไม่
สมศักดิ์ยืนยันว่า ไม่ได้ย้าย ซึ่งธนกฤตถือเป็นคณะทำงานในอดีตของตนเองเท่านั้น และอาจมองต่างมุมกันบ้าง โดยอาจเห็นว่า หัวหน้าพรรคกล้าธรรมจะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ก็คงจะไปสนับสนุน แต่ส่วนตัวไม่ทราบ คาดเดาไม่ได้ เป็นความคิดเห็นทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ได้ห้ามใคร หรือสนับสนุนใคร แต่ในช่วงที่ทำงานกับตน ตอนนั้นก็ทำงานได้ ไม่มีปัญหากัน
“ผมไม่สามารถห้ามใครได้ บางคนพี่กับน้อง พ่อกับลูก ยังอยู่คนละพรรคกัน เป็นเรื่องธรรมดาของประเทศไทย แต่ผมกับน้องสาวยังอยู่พรรคเดียวกัน และจะไม่ไปไหน” สมศักดิ์กล่าวพร้อมหัวเราะ