ปี 2025 คืออีกหนึ่งก้าวสำคัญของวงการ VALORANT เมื่อการแข่งขันชิงแชมป์โลก VCT Champions 2025 ถูกยกมาจัดที่ Accor Arena กรุงปารีส สนามกีฬาประวัติศาสตร์ที่เป็นศูนย์รวมของทั้งกีฬาและความบันเทิงในยุโรป
การแข่งขันครั้งนี้ไม่เพียงเป็นบทสรุปไคลแม็กซ์ของฤดูกาล ที่จบลงด้วยการชูถ้วยแชมป์โลกด้วยมือของทีมม้ามืดอย่าง NRG
แต่ยังสะท้อนให้เห็นอีกมุมหนึ่งว่า VALORANT กำลังก้าวข้ามจากเกมออนไลน์ทั่วไปสู่ ‘เกมอีสปอร์ต’ ที่ถูกพัฒนาและยกระดับขึ้นทุกปี ผ่านสเตจที่ใหญ่ขึ้น กติกาและฟอร์แมตที่ถูกปรับเปลี่ยนต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้บริหารกำลังพยายามหาจุดลงตัวที่ดีที่สุดสำหรับการแข่งเกมนี้อยู่ตลอดเวลา
และการเลือกปารีสเป็นศึกชิงแชมป์โลกก็ยิ่งตอกย้ำภาพดังกล่าว
แม้จะไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจนัก เพราะคอเกมรู้มือกันอยู่แล้วว่า ยุโรปคือหนึ่งในตลาดอีสปอร์ตที่ร้อนแรงมากๆ หลายเกมพิสูจน์แล้วว่าทุกครั้งที่จัดงานใหญ่ที่นี่ ได้ผลตอบรับจากแฟนๆ ที่ดีเสมอในโซนนี้ ไม่ว่าจะเป็น IEM Cologne (CS:GO) ที่เยอรมนี, ESL One (DOTA 2) หรือ EMEA Masters (LoL)
รวมถึง LoL Worlds 2024 ที่ O2 Arena ลอนดอน ซึ่งทำสถิติยอดผู้ชมพร้อมกันสูงสุดในประวัติศาสตร์อีสปอร์ตถึง 6.8 ล้านคน
สำหรับ Accor Arena เองก็ผ่านการเป็นเจ้าภาพเวทีแข่งเกมใหญ่ๆ ระดับโลกมาแล้ว ทั้งการแข่งขันอีสปอร์ตอย่าง League of Legends Worlds 2019, BLAST TV Paris Major 2023 (CS:GO) รวมถึงทัวร์นาเมนต์กีฬาชั้นนำอย่าง ATP Paris Masters, WWE, UFC, โอลิมปิก 2024 ขณะเดียวกันฝั่งเอ็นเตอร์เทนเมนต์ก็ไม่แพ้กัน เพราะที่นี่เคยต้อนรับการแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินระดับโลกมาแล้วเช่นกัน
ดังนั้น การได้เห็น VALORANT Champions ขึ้นมาจัดในสนามระดับนี้ จึงเป็นการตอกย้ำอย่างชัดเจนว่า เกมนี้ได้ก้าวสู่การเป็นหนึ่งในเสาหลักของอีสปอร์ตยุโรปไปแล้ว
อย่างไรก็ดี อีกสิ่งที่ทำให้ Champions 2025 แตกต่างจากศึกชิงแชมป์โลกหนก่อนๆ ไม่ได้อยู่เพียงการเลือกสนามแข่งขัน แต่คือผู้ชมกว่า 20,000 คนที่แน่นขนัดใน Accor Arena โดยเฉพาะในวันรอบชิงชนะเลิศ เสียงเชียร์สไตล์ยุโรปที่ทั้งร้องเพลง โบกธง และปลุกเร้าเกมให้เร้าใจตลอดเวลา คือภาพที่บอกได้ดีกว่าคำพูดใดๆ ว่า แฟนยุโรปยังคงทุ่มเทและหลงใหลอีสปอร์ตไม่แพ้ภูมิภาคไหนในโลก
ส่วนนอกสนามยังเต็มไปด้วยบรรยากาศของ Fan Fest ที่จัดเต็มทั้ง Artist Alley, การแต่งคอสเพลย์ ไปจนถึงกิจกรรม Meet & Greet กับโปรเพลเยอร์และคนดังของเกม ที่ทุกกิจกรรมสะท้อนว่า VALORANT ได้ก้าวขึ้นมาเป็นเกมที่สามารถดึงดูดคอมมูนิตี้หลักพัน-หลักหมื่นให้มาเชื่อมโยงกันในที่เดียว
ในโลกออนไลน์เอง ความนิยมก็พุ่งสูงไม่แพ้กัน ด้วยสถิติ 47,578,911 ชั่วโมงการรับชม (Hours Watched) ตลอดทัวร์นาเมนต์ ติดอันดับ 10 ของปี 2025 จากการจัดอันดับของ escharts (ข้อมูล ณ วันที่ 7 ตุลาคม 2025)
และในปี 2026 ยิ่งชัดเจนว่า Riot Games จะไม่หยุดเพียงแค่ปารีส เพราะ VCT Masters กำลังจะถูกจัดขึ้นที่ ลอนดอน เป็นครั้งแรก หลังจากความสำเร็จถล่มทลายของ LoL Worlds 2024 ที่ O2 Arena กับภาพการแสดงเปิดงานจาก Linkin Park และการชูถ้วยแชมป์ของ T1 ทำให้การนำ Masters 2 (รายการใหญ่ของ VALORANT) มาสู่อังกฤษครั้งนี้ เป็นสัญญาณที่บอกชัดว่า ยุโรปกำลังกลายเป็นบ้านใหม่ของ VALORANT
เมื่อรวมกับ Masters 1 ที่ซานติอาโก้ ชิลี และ Champions 2026 ที่เซี่ยงไฮ้ จีน ฤดูกาล 2026 ถูกคาดหวังว่าจะเป็นหนึ่งในปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ VALORANT โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการปรับกฎใหม่ที่เปิดโอกาสให้ทีมจาก Challengers สามารถคว้าสิทธิ์เข้าร่วม Champions โดยตรง ผ่านผลงานใน Stage 2 Playoffs พร้อมทั้งการสนับสนุนค่าเดินทางและเงินรางวัลเพิ่มเติมจาก Riot ซึ่งจะช่วยสร้างแรงจูงใจและความมั่นคงให้ทีมเล็ก ๆ พัฒนาศักยภาพขึ้นสู่เวทีสูงสุดได้จริง
จากสายตาของ THE STANDARD SPORT ที่เดินทางไปเกาะติดการแข่งขัน VALORANT Champions 2025 สิ่งที่ปารีสสะท้อนให้เห็นคือ ยุโรปกำลังกลายเป็นเวทีสำคัญของ VALORANT ทั้งดีไซน์ โปรดักชัน และพลังของแฟนๆ ที่ไม่ต่างจากงานใหญ่ระดับ LoL Worlds
และจากจุดนี้ได้นำไปสู่คำถามที่น่าสนใจก็คือ เส้นทางของ VALORANT จะพาเกมนี้ไปได้ไกลแค่ไหนในปี 2026 แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้แฟนเกมทั่วโลกต่างเฝ้ารอ และคาดหวังกับก้าวต่อไปของเกมอย่างแน่นอน